Posted On
ดื่มด่ำธรรมชาติฝั่งปิง กับอาหารอิตาเลียนอร่อย ที่ Italia
และแล้วก็ได้กลับมาอีกครั้งกับห้องอาหาร Italia ห้องอาหารสไตล์อิตาเลียน ของโรงแรมศาลา ล้านนา เชียงใหม่ ครั้งที่แล้วที่น้าอ้วนเคยทำรีวิวไว้ครั้งหนึ่ง แฟนเพจหลายๆ ท่านก็คงได้ติดตามอ่านกันมาแล้วนะครับ สำหรับใครที่ยังไม่เคยติดตามก็สามารถดูย้อนหลังได้ที่ http://www.hungryfatguy.com/2013/05/italia-restaurant สาเหตุที่น้าอ้วนแวะมาอีกรอบในวันนี้ก็เพราะว่า ที่ห้องอาหาร Italia เขามีการเปลี่ยนแปลงครับ เรื่องของสถานที่และเมนูใหม่ๆ นั่นเอง วันนี้น้าอ้วนเลยอาสาขอมาเยี่ยมเยือนและชิมเมนูใหม่ๆ ของที่นี่อีกสักครั้ง
ชื่อร้าน : Italia Restaurant at Sala Lanna Chiang Mai Hotel
ที่อยู่ : 49 ถนนเจริญราษฎร์ ตำบลวัดเกตุ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด GPS : 18.791285,99.003059 (แผนที่จาก Google Map)
ติดต่อ : 053 242 588 , http://www.salalanna.com
เวลาเปิด-ปิด : 17:00 – 24:00 น. ทุกวัน
จากห้องอาหาร Italia ที่ย้ายมาจากฝั่งด้านข้างของโรงแรม กลายมาเป็นห้องอาหารหลักของโรงแรม ใครที่เคยได้ชมรีวิวเก่าๆ ของห้องอาหาร Sala Eatery ก็คงคุ้นเคยกับบรรยากาศโดยรอบเป็นอย่างดี ซึ่งรีวิวในวันนี้น้าอ้วนไม่ขอกล่าวถึงเรื่องของบรรยากาศแล้วกันนะครับ ลองไปชมในรีวิวเก่าดูว่าที่นี่เขาสวยงามแค่ไหน http://www.hungryfatguy.com/2013/05/sala-lanna-eatery-bar
สำหรับเมนูอาหารก็มีการปรับเปลี่ยนในหลายๆ ส่วน อย่างเมนูไหนที่ได้รับความนิยมเขาก็เก็บไว้ ส่วนอันไหนที่ไม่ค่อยได้รับความนิยม ก็เอาออกและหาเมนูใหม่ๆ เข้ามาใส่ไว้เพื่อที่ให้ลูกค้ามีตัวเลือกได้หลากหลายขึ้น
ตามธรรมเนียมฝรั่งแล้วเขาก็คงต้องเริ่มที่เมนูเรียกน้ำย่อย หรือ Starters หรือบางทีก็อาจจะเรียกว่า Appetizers อย่างเมนูเรียกน้ำย่อยวันนี้น้าอ้วนภูมิใจนำเสนอ Beef Cappaccio เป็นเนื้อที่นำเข้าจาก Australia นะครับ เห็นแบบนี้หลายๆ คนอาจจะมองดูว่ามันกินได้เหรอ? มันยังแดงๆ ไม่สุกนะ แต่การันตีได้ว่ากินได้ครับ ๕๕๕ คือเขากินกันแบบนี้แหละ บีบมะนาวลงไปนิดหนึ่งนะ แล้วเอาส้อมคีบขึ้นมายัดใส่ปาก เคี้ยวๆ ตามด้วยสลัดผักร็อคเก็ตซะหน่อย บอกเลยว่านุ่ม หวาน และไม่คาวด้วย
ตามด้วยซุปสักถ้วย วันนี้เป็นซุปเห็ดครับ Mushroom Cream Soup หลายคนคงจะงงว่าทำไมเอาซุปครีมเห็ดมานำเสนอ เพราะมันเป็นเมนูที่หลายๆ ที่เขามีอยู่แล้ว แม้แต่ร้านอาหารฝรั่งเล็กๆ เขาก็ยังมีบริการ แต่ถ้าเป็นซุปครีมเห็ดของที่ Italia หละก็ต้องมีอะไรที่ไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะว่าเขาใช้เห็ดออรินจิเป็นเห็ดที่เคี่ยวทำซุป และผสมกับ Black Truffle (ไฮโซมะ?) จึงทำให้ได้รสชาติที่เข้มข้นมาก ตอนเสิร์ฟก็จะมีไข่นกกระทาลวกฟองเล็กๆ ตอกลงมาด้วย พร้อมทั้งขนมปังกรอบ ถ้าได้ซดตอนร้อนๆ จะได้รู้สึกถึงความข้นของเนื้อซุป และรสชาติที่กลมกล่อมของเห็ดออรินจิและเห็ดทรัฟเฟิลที่ผสมผสานด้วยกัน
มาถึงเวลาของ Main Course แล้วครับ จานแรกที่อยากจะแนะนำก็คือ Seafood Risotto หลายๆ คนคงรู้จักแต่ Seafood แต่ไอ้ Risotto มันคืออะไร? คำว่า Risotto คือข้าวผัดชนิดหนึ่งของชาวอิตาเลียน ถ้าพูดง่ายๆ ตามประสาชาวบ้านเราอาหารจานนี้ก็คือ ข้าวผัดทะเลแบบอิตาเลียน สิ่งที่ Risotto ต่างจากข้าวผัดบ้านเราก็คือ เขาจะผัดแบบแฉะๆ และเม็ดข้าวจะค่อนข้างใหญ่ (ใหญ่กว่าข้าวญี่ปุ่นอีกนะ) และผัดแบบข้าวไม่สุก 100% คือเวลาเคี้ยวจะยังรู้สึกว่าข้าวดิบๆ (ถ้าตามอารมณ์ของคนไทย ที่ชอบทานข้าวสวยเม็ดฟูๆ นุ่มๆ) อาจจะไม่ค่อยถูกปากกับจานนี้เท่าไร แต่ถ้าพูดกันตามหลักแล้วคนอิตาเลียนเขากินกันแบบนี้แหละ ๕๕๕ มาพูดถึงรสชาติโดยรวมแล้วเชฟเขาทำข้าว Risotto ได้กลมกล่อมดีครับ พร้อมทั้งพวก Seafood ที่เสิร์ฟมาก็สด ไม่มีกลิ่น และไม่คาวด้วย
ปิดท้ายด้วยเมนูสุดอลังการ Grilled Norwegian Salmon with Lemon Cream Sauce ชื่อยาวสักหน่อย แต่รสชาตินี่อร่อยเหาะ เป็นเนื้อปลาแซลมอน ที่สั่งตรงจากประเทศนอรเวย์ หั่นมาชิ้นใหญ่ๆ เอาไปย่างบนเตาไฟให้สุกพอประมาณ ไม่ได้สุกแบบ well done นะครับ จึงทำให้รู้สึกว่าเนื้อปลาด้านนอกไม่แข็งและเนื้อด้านในยังสีชมพู นุ่มมากไม่มีความหยาบเลย จานนี้เสิร์ฟพร้อมกับครีมซอสเลม่อนที่ออกเปรี้ยวเล็กน้อย และพริกหยวกผัดสามสี จานนี้ขอยกให้เป็นจานที่อร่อยที่สุดเลยก็ว่าได้ครับ ๕๕๕๕
ขอล้างปากด้วยของหวานอย่าง Yogurt Panacotta with Mango Sauce แหม่ะ แว๊บแรกที่เห็นเจ้าพานาคอตต้าจานนี้ รู้สึกว่ามันจะเละหรือเปล่า เพราะดูจากหน้าตาด้านนอกแล้วมันยังไม่รู้ แต่พอได้เอาช้อนตักลงไป รู้สึกถึงความเหนียว หนืดของเนื้อพานาคอตต้าที่ขาวเนียน พอตักเข้าปากได้รสชาติของโยเกิร์ตและซอสมะม่วงที่หวานๆ หอมๆ จนทำให้ตักไป ตักมา หมดโดยไม่รู้ตัว
ใช่ว่าที่ห้องอาหารอิตาเลียน Italia เขาจะมีดีเฉพาะอาหาร เครื่องดื่มที่นี่เขาก็เด็ดไม่แพ้ใครเหมือนกัน โดยเมนูแรกจะเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยดับกระหาย คลายร้อนได้อย่างดี Strawberry Sparkling เป็นเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ มีส่วนผสมของสตรอเบอรี่เข้มข้น กับเลม่อน และโซดา ทำให้ได้รสชาติหวานๆ อมเปรี้ยวของสตรอเบอรี่ เพิ่มความเปรี้ยวและหอมสดชื่นของมะนาว (Lemon) พร้อมทั้งความซาบซ่าสะใจของโซดา เมื่อสามอย่างมาประสานกันแบบนี้ จึงเป็นเครื่องดื่มที่รสชาติสดชื่น สะใจดับกระหายได้เป็นอย่างดี
หรือใครอยากจะเพิ่มดีกรีความแรงให้กับร่างกาย ด้วยการเติมแอลกอฮอล์ลงกระแสเลือดสักนิด ด้วย Mango Peach Daiquiry เป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมหลักเป็นมะม่วงที่หวานและหอมมากครับ เหยาะ Cachaca & Peach Liqueur ลงไปสักหน่อย ตอนยกดื่มก็ได้รสชาติความหวาน และกลิ่นหอมของมะม่วงนี่เตะจมูกเลยครับ และลิ้นก็ได้รสชาติของเหล้า แต่ก็ไม่หนักนะ พอเบาๆ กระชุ่มกระชวยหัวใจ เหมาะสำหรับคุณผู้หญิงที่ต้องการเบาๆ ในระหว่างมื้ออาหาร
RELATED POSTS
-
นั่งรับลมเย็นสบาย กับวิวทะเลสาบและดอยสุเทพ ร้านน่านั่งจะเป็นมื้อกลางวัน หรือมื้อเย็นก็ฟินตลอดที่ Vento Bar
-
เย็นตาโฟ มหาชัย เชียงใหม่ ความสดสั่งตรงจากมหาชัย
-
Wine by Night ต้องที่ Kafevino เชียงใหม่
-
นิมมาน คัตสึ พร้อมสรรพฉบับญี่ปุ่น อีกหลากหลายเมนูสไตล์แดนปลาดิบแท้ ที่อยากให้มาลอง
-
NORI ปิ้งๆ ย่างๆ พร้อมอาหารญี่ปุ่นรสชาติแท้ ชั้นดาดฟ้า บรรยากาศดี
-
แวะไปนั่งชิลกับคาเฟ่ลับ ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติ สวนเกษตร วิวแม่น้ำเหมาะแก่การมาทอดอารมณ์ชมพระอาทิตย์ยามตกดินที่ ตาหวาน คาเฟ่
-
ตำแซบ พันนัว : Modern Delicious LAOS Cuisine
COMMENT