Posted On
“หร่อยจังฮู้” กับอาหารปักษ์ใต้ที่โรงแรมคีรีธารา บูทีค รีสอร์ท
โรงแรมคีรีธารา บูทีค รีสอร์ท เป็นโรงแรมหนึ่งที่น้าอ้วนเคยผ่านโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ตอนนั้นไปติดต่อธุระที่บ้านลูกค้าแถวนั้น เผอิญได้ผ่านโรงแรมเขา ก็มองเข้าไปดูโรงแรมนี้ก็สวยดีแฮะ แต่อยู่ลึกไปหน่อย ๕๕๕ และยังเคยเห็นโปรโมชั่นต่างๆ ของโรงแรมนี้ผ่านหู ผ่านตามาบ้าง แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้แวะเวียนผ่านไปสักรอบ จนกระทั่งโรงแรมนี้ได้ติดต่อเข้ามาเพื่ออยากให้ทางทีมงานเราเข้าไปรีวิวที่ห้องอาหารของโรงแรม รู้สึกว่าจะติดต่อมาเป็นเดือน กว่าที่เราจะะได้คิวกับโรงแรมนี้ และเป็นวันที่น้าอ้วนได้แวะไปโรงแรมนี้อีกครั้ง (อย่างเป็นทางการ) แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือทางเข้าโรงแรม เมื่อก่อนจะเป็นถนนแค่ 2 เลนเท่านั้น แต่ตอนนี้ยิ่งใหญ่ อลังการมาก ถนน 6 เลน อานิสงฆ์จากหอประชุมเลยทีเดียว ๕๕๕๕
ชื่อร้าน : โรงแรมคีรีธารา บูทีค รีสอร์ท (Kireethara Boutique Resort) เชียงใหม่
ที่อยู่ : 202/14 ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด GPS : 18.827077,98.954626 (แผนที่จาก Google Map)
ติดต่อ : 053 010692, http://www.kireethara.com/
เวลาเปิด-ปิด : 07:00 – 22:30 น. ทุกวัน
เมื่อก่อนทางเข้าโรงแรมธรรมดามาก เป็นถนน 2 เลนธรรมดา แต่หลังจากที่มีศูนย์ประชุมนานาชาติฯ มาสร้างทุกสิ่งก็เปลี่ยนแปลงไป ตอนนี้ถนน 6 เลนกว้าขวางใหญ่โตมาก ๕๕๕ สำหรับโรงแรมคีรีธารา ทางเข้าจะอยู่ถนนเดียวกับทางเข้าศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ที่ตั้งอยู่บนถนนคันคลองชนประทาน เข้าไปเรื่อยๆ ผ่านศูนย์ประชุมฯ ผ่านค่ายร.ด. หนองฮ่อไปครับ แล้วถนนก็จะกลายเป็น 2 เลนเหมือนเดิม แต่ก็ไม่ต้องกลัวหลงนะครับ เพราะเขาจะมีป้ายบอกทางชัดเจนตลอดทาง จนไปถึงโรงแรมเลยทีเดียว
น่าเสียดายที่วันนั้นน้าอ้วนไป เป็นวันที่ฝนตก ฟ้ามืด และประกอบกับไปตอนช่วงเย็นด้วยครับ ก็เลยไม่ได้เก็บภาพบรรยากาศของโรงแรมแบบชัดๆ มาให้ดูกัน มีแต่ภาพบรรยากาศแบบตอนกลางคืน (ก็ดูโรแมนติกไปอีกแบบหนึ่งเหมือนกัน) ที่นี่เขามีร้านกาแฟบริการด้วยนะครับ ชื่อช้างเคี่ยนกาแฟ เปิดบริการตั้งแต่ 07:00 น. ถึง 20:00 น. แต่ในส่วนของห้องอาหาร เปิดบริการถึง 22:30 น. ทุกวันครับ
แต่ทางเราได้รับความอนุเคราะห์จากโรงแรมได้ส่งรูปภาพบรรยากาศโรงแรมในตอนกลางวันมาให้ด้วย
ด้วยคอนเซ็ปของโรงแรมที่อยากผสมผสานทุกสิ่งอย่างไว้ด้วยกัน เลยทำให้อาหารการกินของที่นี่หลากหลายมากไม่ว่าจะเป็นอาหารไทยรสชาติดี อาหารพื้นเมืองรสชาติแบบเหนือแท้ รวมไปถึงลูกค้าต่างชาติที่ต้องการทานอาหารในสไตล์ที่คุ้นเคย เขาก็มีเมนู European Menu หรือสเต็ก ไว้บริการ และที่สำคัญไปกว่านั้น ด้วยเจ้าของโรงแรมพื้นเพเป็นคนใต้ ดังนั้นที่นี่ก็เลยมีอาหารปักษ์ใต้รสจัดไว้บริการด้วยเช่นกันครับ
ตอนแรกที่เจ้าหน้าที่ของโรงแรมพาน้าอ้วนไปเดินดูรอบๆ โรงแรมเราก็คุยสัพเพเหระเกี่ยวกับโรงแรมกัน พอถึงช่วงที่จะต้องแนะนำอาหารวันนี้ เขาบอกว่าวันนี้จะให้ทางทีมงานได้ลองชิมอาหารทีขึ้นชื่อของโรงแรมเลย (ในใจก็คิดแล้วแหละว่าสงสัยต้องเป็นอาหารยุโรปอีกแหงๆ เพราะไปรีวิวโรงแรมเมื่อไร ก็หนีไม่พ้นพวกนี้เลย) แต่ผิดคาดครับวันนี้เขาอยากให้เราชิมอาหารปักษ์ใต้ ๕๕๕ เอากับเขาสิ ไม่เคยไปรีวิวอาหารโรงแรมที่ไหนแล้วได้กินอาหารปักษ์ใต้เลย ในเมื่อเขากล้าที่จะนำเสนอขนาดนี้ แสดงว่าก็ต้องมีดีพอตัวแหละ
เมนูแรกจัดมาเรียกน้ำย่อยซะหน่อย กับปอเปี๊ยะปู เมนูนี้ต้องทานกันตอนร้อนๆ หยิบมาเป็นเส้นเลย จิ้มลงในถ้วยน้ำจิ้ม เอาเข้าปากกัดกันสดๆ เน้นๆ ไปเลย กัดเสร็จเอาไปจิ้มอีกรอบ ๕๕๕๕ (จะทำแบบนี้ได้ต้องสนิทกันพอควรเลยนะ แต่ถ้าไม่ซี้กันก็คงต้องวางบนจาน เอาช้อนตัดเปิ้นชิ้นพอคำ ตักน้ำจิ้มราด) แหม่ะ … มันจะไม่ได้อรรถรสในการกินเนี่ยสิ เนื้อปูแน่นมากครับ น้ำจิ้มก็อร่อย ทานแล้วรู้สึกเพลินเลยอ่ะ เผลอแป๊บเดียวหมดไปซะละ
พออาหารเรียกน้ำย่อยหมด ของจริงก็มาถึง เมนูนี้สมแล้วที่เป็นอาหารปักษ์ใต้ ดูจากสีแล้วออกจะน่ากลัวพอสมควรพอได้รู้ชื่อก็ยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่ เมนูนี้ชื่อแกงพริกใส่ปลาสวาย (เมนูนี้ไม่ค่อยเจอที่ไหนเลย เพิ่งเคยมาเจอที่นี่ที่แรก) สีสันจัดจ้านมาก พอน้าอ้วนลองชิม ไม่แค่สีสันเท่านั้นรสชาติก็ยังจัดจ้านเอาเรื่อง สมแล้วที่เป็นปักษ์ใต้ จานนี้บอกได้เลยว่าเสิร์ฟมาจานใหญ่มาก น่าจะกินซัก 3คนกำลังดี
อีกแกงหนึ่งที่ขึ้นชื่อของชาวใต้ แกงเหลือง มาวันนี้เป็นแกงเหลืองใส่ตูนและปลากะพง (ภาคเเหนือกับภาคใต้ก็เรียกว่า “ตูน” เหมือนกันครับ) เสิร์ฟมาในชามใหญ่เหมือนกัน ก็กินซัก 3 คนก็น่าจะกำลังดี เนื้อปลาได้เยอะครับ 4 ชิ้นใหญ่ๆ แล้วยิ่งเป็นปลากะพงด้วย เนื้อแน่นดีมาก ที่สำคัญรสชาติจัดจ้าน แต่รสชาติมีเอกลักษณ์ น้าอ้วนเคยไปชิมอาหารปักษ์ใต้มาประมาณ 2-3 ร้าน แต่รู้สึกว่าที่นี่รสชาติเขาจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริงๆ ไม่เหมือนที่อื่นเลย
ถ้าสั่งแกงพริกปลาสวาย หรือสั่งแกงเหลือง ไปแล้วขาดเมนูนี้ไปก็คงเหมือนว่าขาดคู่หูความอร่อยไป ไข่เจียวปู ถึงแม้จะดูว่าเป็นเมนูง่ายๆ แต่เชฟที่นี่ทำออกมาได้น่ากินมาก ไข่เจียวฟูสวยงามดีครับ แล้วก็รสชาติกำลังดีเลย เนื้อไข่เจียวแน่นดี และเนื้อปูก็อร่อย ทานแกงเผ็ดๆ ไป 1 คำ ตามด้วยไข่เจียว 1 คำ มันตัดรสชาติกันได้ดีเลย
อีกเมนูที่ช่วยลดความเผ็ดร้อนได้ดีก็คือ ไก่ทอดขมิ้น ปีกไก่ส่วนบนทอดกับขมิ้นและกระเทียม รสชาติเข้าเครื่องหมักกำลังดีครับ ทานอะไรเผ็ด ๆ แล้วตามด้วยไก่สักชื้นก็โอเคขึ้นได้เยอะเลย
ปิดท้ายพืชผักที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของภาคใต้ นั่นก็คือสะตอ เมนูนี้สะตอผัดกุ้ง รสชาติอร่อยมาก ใช้ได้เลย ถ้าแฟนเพจท่านไหนติดตามน้าอ้วนมาจะทราบว่าน้าอ้วนเป็นคนที่ไม่ชอบกะปิ แต่จานนี้เขาทำออกมาได้ดีมาก ไม่มีกลิ่นของกะปิเลย (เขาใช้เคยแท้ มาทำ กิโลหนึ่งหลายร้อยบาท) แล้วก็สะตอกินแล้วไม่ปากเหม็น คอนเฟิร์ม ๕๕๕๕ กุ้งก็สดมาก ตักมาแล้วทานกับข้าวสวยร้อนๆ บอกเลยว่าจานนี้ยกนิ้วให้ที่สุดในบรรดาทุกจานในค่ำคืนนี้
ทานอาหารเผ็ดๆ ร้อนๆ ทางโรงแรมก็เลยจัดชาร้อนมาให้ เพื่อให้หายคลายความเผ็ดลง (หลายคนคงจะงงว่าทานของเผ็ด แล้วมาดื่มชาร้อนๆ จะหายเผ็ดได้ไง) ตอนแรกถ้าเราจิบชาร้อนๆ เข้าไปแน่นอนว่ามันต้องร้อนขึ้นอีกใช่ไหมครับ แต่พอความร้อนมันคลายลง รสชาติความเผ็ดร้อนของอาหารมันก็ลดลงเหมือนกันนะครับ สำหรับกานี้เป็นชา Mixed Berries กลิ่นหอมมาก ดื่มแล้วรู้สึกผ่อนคลาย และสดชื่นดี ถ้าลูกค้าท่านใดสั่งชาร้อนที่นี่ เขาบริการเติมน้ำร้อนให้จนจะพอใจนะครับ
แปลกประหลาดตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้รู้ว่าวันนี้จะได้รีวิวอาหารปักษ์ใต้ ในโรงแรมที่ถือว่าอยู่ในระดับ Boutique Resort แต่ก็ถือว่าที่นี่เขาทำได้ดีครับ รสชาติอาหารปักษ์ใต้ของที่นี่มีเอกลักษณ์ ขึ้นชื่อว่าปักษ์ใต้ รสชาติก็ต้องจัดจ้านเป็นธรรมดา ขนาดว่าเย็นวันนั้นเป็นวันฝนตก อากาศเย็นกำลังดี แต่ทีมงานก็ยังต้องพกกระดาษทิชชู่เพื่อซับเหงื่อกันเป็นกองโต ๕๕๕ สำหรับใครที่อยากลองเปลี่ยนบรรยากาศ หรือกำลังมองหาอาหารปักษ์ใต้รสชาติแท้ๆ เพื่อทานเป็นมื้อเที่ยง หรือมื้อค่ำ โรงแรมคีรีธารา บูทีค รีสอร์ท ถือเป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง ที่หลายๆ คนอาจจะไม่ทราบว่าที่นี่เขาจะมีอาหารแบบนี้ไว้บริการ (ก็เหมือนน้าอ้วนตอนแรกนั่นแหละคิดว่าจะได้รีวิวอาห
RELATED POSTS
-
Le Macaron Tea Cafe ชั้น 4 แอร์พอร์ตพลาซ่า
-
อยากอิ่ม อยากฟินไซส์ไหน เลือกได้ตามอัธยาศัย ปิ้งย่างคุณภาพที่ท้าให้ลองที่ร้าน Habakkuk (ฮาบากุก)
-
เขียวไข่กา ร้านอาหารไทยรสเด็ดตามแบบฉบับไทยพื้นถิ่น อร่อยจน Michelin Guide ยังต้องแนะนำ
-
IQJOT อาหารอินเดียรสชาติครบเครื่องเทศ at Promenada
-
อาหารไทยตามแบบฉบับรสชาติดั้งเดิม จับคู่กับไวน์ชั้นดี ได้รสชาติที่แสนอร่อยที่ Jarid Thai Food & Fine Wines
-
หน้าตาอาหารระดับ Fine Dining พร้อมวัตถุดิบระดับพรีเมียม แต่จ่ายในราคาสบายกระเป๋าที่ Mix Restaurant & Bar นิมมาน 1
-
อัปเกรดความอร่อยด้วยข้าวหน้าต่าง ๆ สไตล์ญี่ปุ่น แต่คงยังเสิร์ฟความเป็นราเมงพรีเมียมทุกชามไว้เต็มเปี่ยมที่ Yuu Dai Ramen
COMMENT