Posted On
Brunch ‘n Lunch Kitchen by Black นิมมาน ซอย 5
จะมีร้านอาหารในเชียงใหม่สักกี่ร้านเชียวที่จะรับลูกค้าจำกัดเพียงวันละ 2 กลุ่มเท่านั้น วันนี้น้าอ้วนเจอร้าน หนึ่งที่เขาทำแปลก เปิดรับลูกค้าเพียง 2 ช่วงเวลาเท่านั้น ช่วงแรกคือมื้อกลางวัน และช่วงสองคือมื้อเย็น แต่มี เงื่อนไขว่าต้องจองก่อน และรับเพียงช่วงเวลาละ 1 กลุ่มเท่านั้น (ตั้งแต่ 2 ท่านถึง 10 ท่านต่อกลุ่ม) ร้านอาหารแนวใหม่ของเชียงใหม่ที่เรียกว่า Chef’s Table ซึ่งเราจะได้เห็นการทำอาหารทุกขั้นตอนของเชฟ พูดง่ายๆ อยู่บนโต๊ะเดียวกันนั่นแหละ และที่สำคัญที่สุดคือ คุณอยากทานอะไรแพงแค่ไหน หายากแค่ไหน ที่นี่เขาก็สามารถหามาให้ทานได้ และรับประกันว่าเชฟสามารถปรุงอาหารนั้นๆ ให้ทานได้อย่างอร่อย เพราะประสบการณ์ในการทำอาหารของเชฟก็เป็นหนึ่งในตองอูเช่นเดียวกัน
ชื่อร้าน : Brunch ‘n Lunch Kitchen by Black นิมมาน ซอย 5 เชียงใหม่
ที่อยู่ : ชั้น 2 ห้อง 2/1 , 14/2 นิมมานเหมินทร์ ซอย 5 ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด GPS : 18.798862,98.968606 (แผนที่จาก Google Map)
ติดต่อ : 084 3231952, https://www.facebook.com/brunchandlunch
เวลาเปิด-ปิด : 11:00 – 14:00 น. และ 18:30 – 21:00 น. ปิดทุกวันจันทร์
Brunch ‘n Lunch Kitchen อยู่ถนนนิมมานเหมินทร์ ซอย 5 หากเราเข้ามาในซอยแล้ว จนถึงสีแยกก๊อดซิลล่า ให้เราเลี้ยวซ้ายไป ประมาณ 100 เมตร ร้านจะอยู่ด้านขวามือ แต่ร้านจะไม่ได้อยู่ให้เราเห็นชัดเจนนะครับ เขาจะอยู่ชั้น 2 ของตึกอีกที จุดสังเกตคือถ้าเลยร้าน GELABAR ไปแล้วก็ถือว่าเลยร้านแล้วนะจ๊ะ
เมื่อมาถึงที่ตึกแล้วให้เราขึ้นไปที่ชั้น 2 จะเดินขึ้นไป หรือขึ้นลิฟท์ก็ได้ แต่ลิฟท์ที่นี่ทำงานช้า กดไปแล้วต้องรอประมาณ 30 วินาทีถึงจะทำงาน ๕๕๕ พอถึงชั้น 2 แล้วประตูเข้าร้านจะอยู่ขวามือจ้าาาา มีชื่อร้าน Brunch ‘n Lunch ชัดเจน
นี่ขอพูดเลยว่า ตอนที่มาถึงร้านตอนแรก แอบตกใจ เฮ้ย …. ผิดร้านเปล่า มาโผล่หอใครเนี่ย? ๕๕๕ เพราะด้านหน้าจะค่อนข้างที่จะส่วนตัวมากกกก แต่สำหรับห้องครัวจริงๆ เขาจะอยู่ด้านในอีกที และมีเป็นห้องเดี่ยวๆ มีโต๊ะใหญ่ๆ ตรงกลางห้อง 1 โต๊ะ รูปแบบการทำอาหารแบบนี้เขาเรียกว่า Chef’s Table คือทั้งลูกค้า และ
เชฟทั้งทานอาหาร และทำอาหารจะอยู่ที่โต๊ะเดียวกัน เราสามารถมองดูขั้นตอนการทำอาหารของเชฟได้ทุกขั้นตอน และพูดคุยกันได้ตลอดเวลา บรรยากาศของการมารีวิวในวันนี้เป็นกันเองมาก ทั้งเชฟ และทางทีมงานก็พูดคุย ซักถามถึงสิ่งต่างๆ เชฟไม่หวงวิชาเลยครับ บอกหมดทุกขั้นตอนจริงๆ
เมนูอาหารที่นี่ไม่มีตายตัว เรียกง่ายๆ ว่า made to order คือลูกค้าจะเป็นคนที่กำหนดวัตถุดิบมาให้เชฟเอง แล้วเชฟก็จะมาคิดว่าเมื่อได้โจทย์แบบนี้มาแล้ว จะทำเมนูอะไรมาให้บ้าง ซึ่งราคาในการมาทานอาหารที่นี่จะเริ่มต้นที่ 700-800 บาทต่อท่าน หรืออาจจะทะลุไปถึง 2,000 บาทต่อท่านก็ได้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่
ลูกค้าเป็นผู้เลือก ซึ่งจะต้องทำการจองก่อนนะครับ ถ้าให้ดีควรจะจองซัก 2-3 วัน เพื่อที่ให้เชฟได้คิดเมนู และสั่งวัตถุดิบตามที่ท่านต้องการได้
และขอบอกเลยว่าที่นี่ไม่ว่าลูกค้าจะต้องการทานอะไร จะเป็นวัตถุดิบธรรมดา หรือเลิศเลอเพอเฟ็คแค่ไหน ที่ นี่เขาก็หามาให้ เช่นปลาแซลมอนจากนอรเวย์ , เนื้อมัสสึซากะจากญี่ปุ่น, โอโทร่, ชูทาโร่, ปูหิมะ, ปูทาราบะ หรือแม้แต่เนื้อปลาวาฬ ถ้าอยากทานขอให้บอก ที่นี่จัดให้ได้เสมอ (ถ้าไม่มีอะไรติดขัด)
สำหรับจานแรกที่เราจะได้ลองชิมดูกันในวันนี้ เชฟนพจะเป็นแสดงฝีมือในการทำซูชิให้เราทาน เชฟนพเคยมีประสบการณ์ในการทำงานที่ร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศอังกฤษมาก่อน สั่งสมประสบการณ์จนกระทั่งกลับมาอยู่เมืองไทย และวันนี้จะแสดงฝีมือให้เราได้ทานกันครับ
ซูชิที่เราจะได้ทานกันในวันนี้จะมีอยู่ 4 ตัวด้วยกัน ซึ่งจะเป็นซูชิหน้าปลาแซลมอน และปลาทูน่า ด้านในก็จะสอดใส้ปลาไหลไว้ด้วย และก็จะมีเป็นก้ามปูนิกิริ และสุดท้ายจะเป็นซูชิที่เรียกว่า Gunjan Nikiri รสชาติบอกเลยว่าฟินมา ทุกอย่างกลมกล่อมอยู่ในตัวของมัน เสิร์ฟมาด้วยซอส 2 รสก็คือ Wasabi Mayo และ Spicy Mayo
จานต่อมาขอเรียกความสดชื่นด้วยอาหารถ้วยเล็กๆ ถ้าบอกชื่ออาจะคิดว่าเป็นเมนูธรรมดาๆ นั่นก็คือสลัดมันฝรั่ง แต่เจ้านี่กลับไม่ธรรมดา เพราะมันเป็นสลัดมันฝรั่งที่มีส่วนผสมของเนื้อปูหิมะ , ไข่ปลาแซลมอน เสิร์ฟในถ้วยที่ได้แช่เย็น และเนื้อมันฝรั่งเขาจะทำเป็นเส้นๆ เหมือนเฟ็ตตูชินี่ (พาสต้า) รสชาติกลมกล่อม เรียกความสดชื่นได้เป็นอย่างดี และพร้อมเพื่อจะไปเมนูต่อไป
มาถึงเมนูสุดท้าย เรียกได้ว่าเป็นเมนูเด่นของค่ำคืนในวันนี้ กับอาหารเซ็ทที่เรียกว่า Omakase Set ด้วยเซ็ทที่ชื่อว่า ………….. อะไรไม่รู้ ๕๕๕ เชฟก็ไม่ได้ตั้งชื่อว่า เอาเป็นว่าข้ามไปก่อน
เซ็ทนี้จะประกอบด้วยอาหารอยู่ 4 อย่างครับ เริ่มจากอย่างแรกจะเป็นข้าวญี่ปุ่นที่ทำออกมาแนวรีซอสโต้ (คือข้าวแนวอิตาเลียนที่ผัดๆ ไม่แห้ง จะมีความเละๆ อยู่) ซึ่งเขาจะผัดกับขิงและพริกไทย โปะด้วยชูทาโร่ที่ทอชมาเรียบร้อย มีความสุกและเกรียมเล็กน้อย
จานต่อมาจะเป็นลักษณะของเครื่องเคียงแต่เป็นเครื่องเคียงที่คอลังการเลยนะ ๕๕๕ ในชามก็จะมีก้ามปูหิมะราดด้วยซอสเทอริยากิ ชูทาโร่ที่ทอชเรียบร้อย และหอยเชลล์ตัวใหญ่ๆ เนื้อแน่นสุกกำลังได้ที่ บอกเลยว่าฟินมากๆ
รวมไปถึงซุปและสลัดผักทีเสิร์ฟมาเป็นเครื่องเคียงในเซ็ทนี้รสชาติกลมกล่อม และได้ความสดของผักที่ราดด้วยน้ำสลัดแบบญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
ปิดท้ายด้วยของหวาน ยอดฮิตอย่างไอศครีมขาเขียวราดด้วยถั่วแดง พร้อมโมจิย่าง และนมสดฮ้อคไกโด จากร้าน GELABAR ซึ่งสองร้านนี้เขามีเจ้าของเดียวกัน ๕๕๕๕
Brunch ‘n Lunch Kitchen ร้านอาหารแนวใหม่ รูปแบบของ Chef’s Table ที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือนในเชียงใหม่ และถือเป็นปรากฎการใหม่ที่คนเชียงใหม่ไม่สามารถที่จะหาได้ที่ไหน เพราะว่าร้านนี้ไม่ว่าลูกค้าต้องการที่จะทานอะไร เขาหามาให้ได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบธรรมดาๆ ที่หาได้ทั่วไป หรือที่หายาก ราคาแพง ขอให้ตั้งใจที่อยากทาน ทางร้านก็จัดหาได้ครับ รวมไปถึงเทคนิคของการปรุงอาหารที่ถือว่าเชฟที่นี่เขามีประสบการณ์มาอย่างมากมาย ด้วยดีกรีจาก Dusit Tsuji Culinary Institute ซึ่งเป็นสถาบันสอนทำอาหารที่มีชื่อเสียง (คล้ายๆ Le Cordon Bleu) รับประกัน ดังนั้นเชื่อเลยว่า ถ้าได้วัตถุดิบที่ดี ย่อมได้รับการปรุงที่ดีด้วยเช่นกัน (แว่วๆ ว่าเชฟที่นี่จะไปแข่งเชฟกระทะเหล็กประเทศไทยด้วย ในปีหน้า)
หากท่านไหนต้องการทำอยากเปิดประสบการณ์ใหม่ของการลิ้มลองอาหารแปลกๆ สักมื้อ ลองฟอร์มทีมกันตั้งแต่ 2 ท่านขึ้นไป จนถึง 10 ท่าน แล้วนัดเวลาที่ร้าน Brunch ‘n Lunch แล้วให้เชฟแบล็ค จัดเมนูให้ แล้วจะรู้ว่าความอร่อยที่แท้จริง ยังมีให้ลิ้มลองหาได้ในเชียงใหม่แห่งนี้
RELATED POSTS
-
ดื่มด่ำธรรมชาติฝั่งปิง กับอาหารอิตาเลียนอร่อย ที่ Italia
-
ปิดท้ายมื้ออร่อยด้วยของหวานสุดสดชื่น กว่า 40 ชนิดให้เลือกในแต่ละวันพร้อมน้ำราดหอมหวานชื่นใจที่ ยู้ฮู หวานเย็น เชียงใหม่
-
Original Thai Cuisine อาหารไทย รสชาติดั้งเดิม เข้มข้น ตามแบบฉบับของร้านพฤกษา @เชียงใหม่
-
กาแฟอร่อย ขนมหวานโฮมเมดสไตล์ฝรั่งเศสรสชาติเหมือนต้นตำรับ ภาชนะสุดสวยที่ Sala Kaffae
-
ชิลยามเย็นกับ Export Beer Park ที่ Star Avenue 2
-
คาเฟ่ลับของดีป่าซาง ทั้งเมนูไทยและเทศ วัตถุดิบเกรดดี จานโต อิ่มแปร้กันทั้งหมู่คณะที่ ลุงทองคาเฟ่
-
Brownie Brown Coffee Lab ร้านใหม่เก๋ไก๋ โฉบเฉี่ยว มีอะไรให้ทดลองเพิ่มขึ้น
COMMENT