Oyori The Grill ร้านอาหารแนวใหม่ ใส่ใจสังคม

Social Enterprise คำนี้คงไม่ค่อยคุ้นหูคนไทยอย่างเราสักเท่าไร คำว่า Social Enterprise หมายถึงธุรกิจที่เป็นได้ทั้งประเภทที่หากำไรและไม่หากำไร ยึดถือการตอบแทนประโยชน์สู่สังคมเป็นแนวทางการขับเคลื่อนธุรกิจ ธุรกิจในรูปแบบ Social Enterprise หรือ S.E. นั้นจะเน้นด้านการกระจายรายได้สู่หน่วยผลิตในกลุ่มสังคม คำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม (Social Responsibility)¹ ทำไมน้าอ้วนถึงเอาคำว่า Social Enterprise มาเกริ่นนำการเข้ารีวิวในวันนี้ ก็เพราะว่าร้านอาหารที่น้าอ้วนจะแนะนำในวันนี้ เขาเป็น S.E. แห่งแรก และแห่งเดียวในเชียงใหม่ ร้านอาหาร Oyori The Grill เป็นร้านอาหารที่เป็นสาขามาจากประเทศเกาหลี ซึ่งในเชียงใหม่แห่งนี้เขาจะทำกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือเด็กชาวเขาผู้ด้อยโอกาส รูปแบบของการช่วยเหลือคือเขาจะเอาเด็กเหล่านั้นมาฝึกประสบการณ์ด้านร้านอาหาร (พร้อมทั้งค่าตอบแทนให้น้องๆ เหล่านั้น) เพื่อให้เด็กเหล่านี้มีทักษะด้านร้านอาหาร เพื่อนำไปประกอบอาชีพในอนาคตได้ ซึ่งถือว่าเชียงใหม่ยังไม่มีร้านอาหารแบบนี้ขึ้นเลย (อยากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับ Oyori เพิ่มเติม คลิก www.oyori.asia)

ชื่อร้าน : Oyori The Grill ร้านอาหารแนวใหม่ ใส่ใจสังคม Social Enterprise เชียงใหม่
ที่อยู่ : 14/6 ถนนศิริมังคลาจารย์ ซอย 11 ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด GPS : 18.793563,98.972292 (แผนที่จาก Google Map)
ติดต่อ :  053 213175 , https://www.facebook.com/oyorithailand
เวลาเปิด-ปิด :  11:00 – 22:00 น. ทุกวัน

ร้าน Oyori The Grill – Organic Salad & Steak ตั้งอยู่ที่ถนนศิริมังคลาจารย์ ซอย 11 (ซอยตรงข้ามโรงแรมวิทอเรีย นิมมาน) เข้าไปประมาณ 200 เมตร ร้านจะอยู่ในโครงการ 2br

น้าอ้วนว่าร้านนี้เขาตกแต่งได้เรียบง่าย แต่ก็ทันสมัย โมเดิร์นดี ด้านในจะเป็นห้องแอร์เย็นสบาย และก็จะมีโซนด้านนอกที่เปิดโล่ง มีพัดลมพัดให้เย็นสบายกันเลยทีเดียว ดึกๆ มาเขาก็จะมีเทียนให้ด้วย โรแมนติกกันใต้แสงเทียนกันเลยทีเดียว หึหึ

อาหารที่นี่เขาจะมีแต่อาหารฝรั่งนะจ๊ะ จะเน้นเป็นพวก Steak และสลัด เป็นส่วนใหญ่ และที่สำคัญเขามีบุฟเฟ่ต์สลัดบาร์ด้วย เพียงท่านละ 130 บาทอิ่มได้ไม่อั้น รวมไปถึงบุฟเฟ่ต์ไวน์ด้วยท่านละ 270 บาท/350 บาท เมากันได้ไม่อั้นด้วยเช่นกัน

ระหว่างที่รออาหารจานหลักมาเสิร์ฟ น้าอ้วนก็ได้ไปด้อมๆ มองๆ ในไลน์ของสลัดบุฟเฟ่ต์ ซึ่งสลัดบุฟเฟ่ต์นี้เขาคิดราคาท่านละ 130 บาท เฉพาะช่วงเวลา 11:00 – 17:00 น. เท่านั้น และแล้วก็หยิบจานตักสลัดเขามา 1 จานแล้วก็เอามาวางตรงหน้า พร้อมราดน้ำสลัดเป็น Thousand Islands คำแรกที่ตักผักเข้าปาก ก็ยังไม่แน่ใจ เลยต้องลองคำที่สอง และคำที่สาม จึงมั่นใจได้ว่าผักร้านนี้สดโพดๆ กรอบ และอร่อยมาก รวมไปถึงน้ำสลัดก็ถือว่ารสชาติดี แต่ที่ปลื้มที่สุดคือเห็ดย่างเนี่ยแหละ ๕๕๕ จัดเต็ม

และแล้วอาหารจานหลัก จานแรกก็มาถึงก็คือปูนิ่มพริกไทยดำ เนื้อปูนุ่มอร่อยดีครับ กรอบนอกนุ่มในดี หอมกลิ่นพริกไทยดำที่คลุกเข้าเครื่องมา ผักก็อร่อยดี

จานที่สอง Caesar Salad จุดเด่นก็คงเป็นที่ผักนี่แหละครับ อย่างที่น้าอ้วนบอกว่าผักที่นี่เขาทำได้ดีมาก สดกรอบ แล้วเนื้อไก่ที่ท๊อปปิ้งเข้ามาก็อร่อยใช้ได้เลยนะ ดังนั้นสลัดจานนี้เลยให้ผ่าน

ตอนนี้อาหารจานหลักจริงๆ ก็มาถึงเสียที จานแรกเป็นสเต็ก Beef Sirloin Steak, red wine gravy แปลเป็นไทยได้ว่า สเต็กเนื้อสันนอกน้ำเกรวี่ไวน์แดง (นั่งหัวเราะกับทีมงานเพราะเมื่อคืนก่อนหน้าก็เพิ่งไปสนุกกันที่ The Good View กันมา ว่าจะของดแอลกอฮอลสักพัก แต่ที่ไหนได้เจอ red wine gravy ซะนี่) เนื้อที่เขาใช้เป็นเนื้อนำเข้านะครับจาก New Zealand ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงเรื่องของคุณภาพ เนื้อมีความเหนียวเล็กน้อย ในระดับที่เคี้ยวกำลังสนุกปาก ด้านล่างก็จะมีเห็ดย่างที่น้าอ้วนชอบ พร้อมทั้งมันฝรั่งบด รสชาติดถือว่าโอเคเลยครับ ยิ่งถ้าหั่นตรงส่วนที่ติดกับมันด้วยหละก็ ความหวานและมันของตัวไขมันจะออกรสชาติมาด้วย จึงทำให้อร่อยเหาะ

จานที่สองก็ทำให้ทีมงานเราตกใจในความอลังการไม่แพ้กัน Salmon Soy Radish สเต็กปลาแซลมอนย่างหนังกรอบราดซอสสไตล์เอเชีย ชื่อเขาบอกว่าย่างหนังกรอบ ต้องยอมรับว่ากรอบมาก ๕๕๕ ส่วนชิ้นปลาแซลมอนใหญ่มากครับวางบนผักนานาชนิด ย่างสุกกำลังดีด้านนอกเกรียมเล็กน้อย แต่ด้านในยังเป็นเนื้อสีขาวที่สุกกำลังดี เนื้อนุ่มมาก อร่อยมากขอบอกเลย

สำหรับเมนูนี้ตอนแรกว่าจะไม่ได้ทานละ แต่ทางผู้จัดการร้านเสนอว่าลองแซนวิชสักเมนูไหมครับ ในที่สุดก็ได้เป็น Beef Steak Sandwich แซนวิชสเต็กเนื้อสันนอกนิวซีแลนด์ย่าง ทีมงานเราแอบนินทากันว่า ร้านนี้ชอบทำอะไรอลังการ อาหารแต่ละอย่างเสิร์ฟมากันแบบว่าไม่เกรงใจลูกค้าเลย ๕๕๕๕ แต่ละอย่างดูจากปริมาณเทียบกับราคาแล้ว เรียกว่าสุดคุ้มจริงๆ สำหรับแซนวิชเมนูนี้เนื้อสันนอกย่างมาได้ดีมากครับทานคู่กับขนมปังแซนวิชและเฟร้นชน์ฟราย ถือว่าเป็นอีกเมนูหนึ่งที่อร่อยใช้ได้เลย

ปิดท้ายเครื่องดื่มด้วย Sangia จะเป็นไวน์ที่ผสมน้ำผลไม้ จะมีรสชาติหวานๆ เบาๆ จะไม่ได้รสชาติฝาดเหมือนไวน์ทั่วไป ทานได้ง่ายๆ ดื่มเรื่อยๆ (ไวน์ชนิดนี้อยู่ในเมนูไวน์บุฟเฟ่ต์ด้วยนะครับ) และ Mojito ที่เราเห็นตามร้านอาหารทั่วไป รวมไปถึง Red Mojito ที่เป็น Signature ของที่นี่ด้วยครับ

Update for New Menu

มีอีกหลายเมนูที่ทาง Oyori the Grill ได้อัพเดทเมนูเพิ่มเติม เพื่อให้ลูกค้าได้ลองชิมอาหารใหม่ๆ บ้าง โดยวันนี้น้าอ้วนจะขอเน้นพวกอาหารเพื่อสุขภาพอย่างเช่นสลัดเป็นต้นนะครับ

Chicken Caesar Salad ซีซ่าร์สลัดสูตรพิเศษ น้ำสลัดรสชาติกลมกล่อมกำลังดี โรยหน้าด้วยเนื้อไก่ ขนมปังกรอบ และพาเมซานชีส

Smoked Salmon on Bagel สลัดแซลมอนรมควันกับขนมปัง Bagel ผักสลัดสดกรอบ เสิร์ฟคู่กับเนื้อปลาแซลมอนและขนมปังเบเกิลรสชาติที่เข้ากันได้อย่างลงตัว

เมนูสุดท้าย Coconut Prawn Salad ถ้าเรียกง่ายๆ ก็คือสลัดกุ้งทอด แต่ที่นี่ทำแปลกคือไม่ได้เอากุ้งไปชับกับเกร็ดขนมปังแล้วทอด แต่เขาเอาชุบกับมะพร้าวหั่นละเอียด เวลาทอดแล้วจะได้กลิ่นหอมของมะพร้าว และเวลากัดเข้าปากจะได้รู้สึกถึงความมันๆ และกลิ่นของมะพร้าวหอมๆ

ถ้าพูดในแง่ของร้านอาหารทั่วไป บรรยากาศของร้านนี้น้าอ้วนให้ธรรมดาครับ เพราะหลายๆ ร้านเขาก็เป็นลักษณะอะไรแบบนี้กันหมด แต่พูดเรื่องอาหาร รสชาติถือว่าโอเคเลย ทำมาได้ดี สลัดผักก็ใช้ผักที่สดกรอบ และมีความปลอดภัยเป็นหลักเพราะทั้งหมดใช้ผักที่มาจากฟาร์มออแกนิก ที่เชื่อถือได้ ปริมาณของอาหารเรียกว่าอลังการเมื่อเทียบกับราคาแล้ว เรียกได้ว่าคุ้มค่ากับเงินที่จ่าย

แต่อีกมุมหนึ่งที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ ก็คือแนวทางในการดำเนินธุรกิจของที่นี่ Oyori The Grill ถือเป็นธุรกิจที่มุ่งเน้นในการสร้างสิ่งที่ตอบแทนสังคม โดย Oyori แต่ละสาขาทั่วโลกนี้ (เกาหลี, ไทย, เนปาล) ก็ให้ความช่วยเหลือแตกต่างกันไป เช่นประเทศไทยของเราให้ความช่วยเหลือเด็กชาวเขาที่ด้อยโอกาส, เกาหลีก็ช่วยเหลือผู้หญิงเป็นหลัก เป็นต้น รวมไปถึงองค์กรนี้ก็ยังร่วมมือกับองค์กรย่อยต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่ ที่จะช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายของเขาด้วยเช่นกัน

หมายเหตุ 1 : ที่มา http://socialenterprise.in.th/?p=336

Share on Facebook

Tweet

Follow us