The Vintage Road ร้านอาหารฟิวชั่นในแบบไทยประยุกต์

By น้าอ้วน 11 years ago

ช่วงยามค่ำคืน หากใครได้สัญจรผ่านถนนสายสันกำแพงสายเก่า อาจจะต้องสะดุดตากับบ้านรูปแบบไทยๆ เก่าๆ หลังหนึ่งที่เขาตกแต่ง จัดแสงไฟได้อย่างสวยงาม บ้านหลังนี้เป็นร้านอาหารแห่งใหม่ที่อยู่ย่านสันกำแพงครับ เราสามารถพูดได้ว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังแรกของอำเภอสันกำแพงก็ว่าได้ เพราะหลังจากที่เราข้ามสะพานมาแล้ว จะพบกับบ้านหลังนี้เป็นหลักแรก และก็เข้าสู่เขตอำเภอสันกำแพงครับ บ้านหลังนี้เป็นร้านอาหารที่ชื่อว่า The Vintage Road นั่นเอง

ชื่อร้าน : The Vintage Road บ้านอาหารฟิวชั่นในแบบไทยประยุกต์ เชียงใหม่
ที่อยู่ : 56/1 หมู่ที่ 3 ถนนสันกำแพงสายเก่า ตำบลสันกลาง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด GPS : 18.779668,99.045759 (แผนที่ Google Map)
ติดต่อ : 085 4444650 , https://www.facebook.com/vintageroadbarandrestaurant
เวลาเปิด-ปิด : 17:30 – 24:00 น. ทุกวัน

ที่อยู่ของร้านนี้ น้าอ้วนว่าคงหากันได้ไม่ยาก เพราะร้านนี้เขาตั้งอยู่บนถนนสันกำแพงสายเก่า หากเรามาจากทางตัวเมืองนะครับ ให้ตรงมาเรื่อยๆ ข้ามแยกบวกครกศรีวิลัยเพื่อไปทางสันกำแพงสายเก่านะครับ พอเราข้ามสะพานมา ก็จะเจอบ้านเรือนไทยอยู่ขวามือ มีต้นไม้ที่ประดับด้วยไฟสีขาวเด่นเป็นสง่า ตรงนั้นแหละครับคือร้าน Vintage Road นั่นเอง เลี้ยวเข้าไปเลย ที่จอดรถกว้างขวางสะดวกมาก

ร้านนี้เขาจะเป็นบ้านทรงไทยเก่าๆ แต่เจ้าของเขาปรับปรุงแล้วนะ เสริมไม้และโครงสร้างต่างๆ ให้มันแข็งแรงขึ้น แต่ยังคงรักษารูปทรงเดิมของบ้านทรงไทยหลังนี้ไว้อย่างสวยงาม ด้านล่างของบ้าน (ใต้ถุน) จะเป็นโซนร้านอาหารครับ และยังมีโซนด้านนอกซึ่งจะออกแนวเป็นระเบียงติดกับริมแม่น้ำ ทำให้ตอนเย็นๆ เราสามารถนั่งทานข้าวอยู่ริมแม่น้ำได้ด้วย

อีกทั้งสำหรับชั้นสองของตัวบ้าน ก็ยังเปิดเป็นโซนที่เรียกว่า Dubai Lounge ซึ่งจะเป็นโซนที่เน้นพวกค็อกเทล หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอลเป็นหลัก แต่ใครที่จะขึ้นไป Dubai Lounge จะต้องถอดรองเท้านะครับ เพราะที่นี่เขาจะนั่งพื้นโดยมีหมอนสามเหลี่ยมให้พิงด้วย

บรรยากาศดีขนาดนี้ หลายคนคงกังวลเรื่องราคาของอาหาร ว่ามันจะแพงหรือเปล่า? ร้านนี้เขาจะเป็นอาหารแนวไทยฟิวชั่น ราคาก็จะออกแนวระดับกลาง ซึ่งราคาก็จะเริ่มต้นราวๆ 90 บาทเป็นต้นไปครับ และเมนูเด่นของที่นี่สำหรับท่านใดที่เป็นนักดื่ม เขามีเบียร์วุ้นให้บริการด้วย

และแล้วมาถึงเวลาได้โซ้ยกันแล้ว วันนี้จัดมาประมาณ 5-6 อย่างครับ คอนเซ็ปหลักๆ ของร้านนี้เขาจะเน้นเรื่องของการดัดแปลงรสชาติของอาหารให้แปลกใหม่ และจะค่อนข้างพิถีพิถันเรื่องของการตกแต่งหน้าตาของอาหารแต่ละจาน โดยไม่อยากให้หน้าตาเหมือนร้านทั่วไป เลยคิดพยายามให้ดูแปลกตากว่าร้านอื่นๆ เมนูแรกที่เราได้ชิมวันนี้คือ ต้มยำเห็ดเผาะกุ้งสด (เห็ดถอบ) ลักษณะของต้มยำหม้อนี้จะเป็นน้ำใสครับ สาเหตุที่ไม่ได้ทำน้ำข้น จุดเด่นของเครื่องต้มยำที่นี่คือเขาจะนำเอาสมุนไพรเครื่องต้มยำทุกอย่างนำไปปั่นให้มันละเอียดแล้วค่อยปรุงเป็นน้ำซุป มันจะทำให้รสชาติของเครื่องปรุงทุกอย่างออกมาได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญจะไม่มีกากให้เกะกะตอนที่ลูกค้าตักมาทานด้วย

หมูสบัดลาย (ซี่โครงอ่อนหมูราดซอสมะขาม) ถึงแม้จะเป็นเมนูซี่โครงหมูทอดธรรมดา และราดด้วยซอสมะขามที่เปรี้ยวๆ หวานๆ แต่ร้านนี้เขาเสิร์ฟมาพร้อมกับเส้นหมีทอดกรอบทำให้ได้รสชาติของหมูทอดที่กรอบนอกนุ่มใน เปรี้ยวๆ หวานๆ และได้ความกรุบกรอบของเส้นหมีทอดในคราวเดียวกัน

ปลาทอดสมุนไพร ถ้าดูจากหน้าตาแล้ว ก็คงจะงงว่าเมนูนี้คืออะไร เพราะดูแล้วไม่มีอะไรที่ชัดเจนเลยว่าเมนูนี้คืออะไร หลายร้านเขาจะเสิร์ฟปลามาเป็นตัวๆ โปะด้วยพวกสมุนไพรที่ทอดกรอบอยู่ด้านบน แต่ร้านนี้เขาจะแล่เนื้อปลาเป็นชิ้นๆ แล้วเอามาทอดคลุกกับซอส แล้วโรยด้วยสมุนไพร เสิร์ฟกันมาในจานเล็กๆ ไม่ต้องใช้จานใหญ่อลังการเพื่อที่เสิร์ฟปลาทั้งตัว

สำหรับเมนูนี้ไม่ต้องตกใจ เชื่อว่ามีผู้ชมบางท่านคงจะกลัวเมนูนี้แน่ๆ “ยำหม่อนไหม” หรือที่เรารู้จักกันในนามรถด่วนนั่นแหละครับ ที่นี่เขาจะนำหนอนไหม และตัวดักแด้มาทอดกรอบ แล้วโรยด้วยสมุนไพรปรุงรสให้ออกแนวเปรี้ยวๆ เผ็ดๆ เล็กน้อย ตัวหนอนไหมจะมีรสชาติมันๆ ทานคู่กับเครื่องดื่มต่างๆ ก็น่าจะเข้ากันได้ไม่น้อย

ลาบปลาหมึกเสเพล ชื่อแปลกๆ ด้วยรสชาติจัดจ้านเหมือนกับอารมณ์ของเด็กเสเพล (๕๕๕๕ มโนไปนั่น) เมนูนี้จะเป็นหมึกชุบแป้งทอด แล้วเอามาทำเป็นเหมือนลาบอีสานแต่ในพวกสมุนไพร และถั่วต่างๆ รสชาติออกเปรี้ยวๆ เผ็ดเล็กน้อย เป็นกลับแกล้มได้ดีเลยแหละ

ปีกไก่ซอสวินเทจ เป็นปีกไก่ที่ทอดได้แบบกรอบนอกออกแนวแห้งๆ เล็กน้อย และราดด้วยซอสวินเทจ ที่ออกแนวรสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ (คล้ายๆ กับซอสมะขาม) ปีกไก่ชิ้นใหญ่ดีครับ เคี้ยวได้เต็มปากเต็มคำ เหมาะทานเป็นกับข้าว หรือกับแกล้มก็ได้นะ

อาหารทุกจานของร้านนี้เขาจะไม่ใส่ผงชูรสเป็นอันขาด รวมไปถึงรสชาติของอาหารจะทำในรสชาติกลางๆ เพราะความชอบของลูกค้าแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ทุกครั้งที่พนักงานรับออเดอร์ จะถามลูกคาว่าต้องการรสชาติแบบไหน เพราะพ่อครัว แม่ครัวที่นี่สามารถปรุงรสชาติได้ตามที่ลูกค้าต้องการได้เสมอ และร้านนี้ไม่มีเนื้อวัวให้บริการนะครับ ใครที่ชอบทานเนื้อก็คงต้องอดกันไปซะแล้ว แต่เนื้ออื่นๆ ที่นี่เขาก็อร่อยไม่แพ้กันนะครับ 🙂