China On Tour : กระดูกหมูอู๋ซี เมนูเด็ดจากเมืองอู๋ซี

By น้าอ้วน 11 years ago

หลังจากที่เราไปเที่ยวเมืองหังโจวและได้ชิมเมนูเด็ดของหังโจวทั้ง 2 เมนูแล้ว วันนี้ทัวร์กินแหลกของเราก็เดินทางไปเมืองต่อไปครับ มุ่งหน้าไปเมืองอู๋ซี (Wuxi) เมืองนี้มีประวัติที่น่าแปลกอยู่อย่างหนึ่ง เมืองนี้ตั้งอยู่ในมณฑลเจียงซู เมืองโบราณที่สร้างขึ้นเมื่อประมาณ 2,000 ปีก่อน เดิมชื่อว่า “โหย่วซี” แปลว่า มีดีบุก ต่อมาเมื่อราชวงศ์ฮั่นขุดใช้ดีบุกจนหมดแล้ว ชื่อเมืองจึงเปลี่ยนมาเป็น “อู๋ซี” แปลว่า ไม่มีดีบุก ๕๕๕ แปลกอ่ะลงทุนเปลี่ยนชื่อเมืองเพราะว่าขุดใช้ดีบุกจนหมด ๕๕๕ ตอนแรกที่น้าอ้วนได้ยินยังแอบตลกในใจเลย

ตืนเช้ามาก็ต้องหาอะไรรองท้องกันซะหน่อย วันนี้เราทานข้าวเช้ากันที่โรงแรมครับ เมนูก็คล้ายๆ กับวันแรกเลยคือจะเน้นอาหารง่ายๆ เบาๆ เช่นพวกข้าวต้มอะไรเป็นหลัก แล้วก็มีผักดองแบบต่างๆ และขนมนมเนย รวมไปถึงเครื่องดื่มเช่นชา กาแฟ นม เป็นต้น

หลังจากที่ Check Out ออกจากโรงแรมในเวลาเช้ามาก (9 โมงเช้า) ตอนนั้นหมอกลงจัดมาก อยากบอกว่าหมอกแบบนี้ไม่เคยเห็นที่เชียงใหม่บ้านเราเลย น้าอ้วนว่าประมาณระยะ 100 เมตรนี่มองกันแทบไม่เห็นแล้วนะ แล้วคณะทัวร์ของเราก็เดินทางไปตามตารางทัวร์ต่างๆ ไปเที่ยวกันเสร็จจนถึงมื้อเที่ยงเราก็ได้แวะทานข้าวกันแล้ว มื้อเที่ยงนี้เรายังไม่ได้ทานเมนูเด่นของอู๋ซีนะครับ เพราะอยู่ในระยะทางระหว่างเมืองหังโจว และอู๋ซี ดังนั้นอาหารจึงเป็นแบบทั่วไปอยู่

สำหรับช่วงบ่ายนี้เราแทบจะนั่งรถกันทั้งวันครับ เพราะประเทศจีนเป็นประเทศที่ค่อนข้างกว้างใหญ่ไพศาล เมืองแต่ละเมืองจะอยู่ห่างกันนับเป็นร้อยกิโลเมตร ดังนั้นการเดินทางเพื่อข้ามเมืองเลยต้องใช้เวลากันสักหน่อย และแล้วเราก็มาถึงเมืองอู๋ซี (เมืองไม่มีดีบุกแล้ว, Wuxi) ทัวร์นี้มีแต่ลูกทัวร์บ่น ว่านั่งเป็นหลับ ขยับเป็นกิน ๕๕๕ ถึงภัตตาคารอีกแล้ว และมื้อนี้เราจะได้ชิมเมนูเด่นของเมืองอู๋ซีกันครับ นั่นก็คือ “กระดูกหมูอู๋ซี”

เมนูเด่นเราต้องแยกมารีวิว ๕๕๕ กระดูกหมูอู๋ซี ชื่อมันก็บอกว่าเป็นกระดูก แหม่ะ … ก็กระดูกซะจริงๆ แต่บางชิ้นก็มีเนื้อติดพอสมควรครับ พูดถึงแล้วรสชาติของเมนูนี้คือคือกระดูกหมูต้มซีอิ๊วนั่นเอง รสชาติคล้ายๆ หมูตงโพ (เมนูเด่นของเมืองหังโจว)

มีอยู่ครั้งหนึ่ง พระจี้กงเดินทางมาถึงเมืองอู๋ซี ซึ่งเป็นวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ทุกครอบครัวกำลังกินข้าวด้วยกันเพื่อฉลองตรุษจีน เด็กๆ ก็จุดพลุกันตามริมถนน พระจี้กงเล่นซุกซนกับเด็กๆ จนหิว จึงนึกขึ้นมาว่า วันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ พระจี้กงจึงไปภิกขาจารที่ร้านขายหมูตู๋นร้านหนึ่ง เจ้าของร้านแปลกใจมากจึงถามว่า ท่านเป็นพระ จะทานเนื้อสัตว์ได้อย่างไร พระจี้กงตอบว่า ฉันก็ชอบทานเนื้อแต่ไหนแต่ไรมาอยู่แล้ว วันนี้ตรงกับวันส่งท้ายปีเก่า ทานหมูสักมื้อก็ไม่เป็นไรหรอก เจ้าของร้านคิดในใจว่า เมื่อพระรูปนี้อยากทานหมู เราก็ให้ท่านหน่อย เขาปฏิบัติตนผิดศีลเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับเราเลย เขาจึงให้หมูตุ๋นก้อนหนึ่งแก่พระจี้กง พระจี้กงหิวมาก พอได้หมูตุ๋นมาก็ทานหมดเกลี้ยง เมื่อทานเสร็จแล้ว พระจี้กงกล่าวขอบคุณเจ้าของร้านและพูดว่า ฉันจะมอบของขวัญอย่างหนึ่งให้เป็นการตอบแทน ว่าแล้วพระจี้กงก็ฉีกพัดใบลาน และเอาก้านของพัดให้เจ้าของร้านพร้อมพูดว่า เวลาตุ๋นหมูครั้งต่อไปให้ใส่ก้านพัดนี้ลงด้วยนะ แล้วคอยดูว่า รสชาติจะเป็นอย่างไร เมื่อพูดเสร็จ พระจี้กงก็หายตัวจากสายตาของเจ้าของร้านไป เจ้าของร้านนึกได้ว่ากำลังตุ๋นซี่โครงหมูอยู่ เลยใส่ก้านพัดใบลานลงไปในหม้อ ปรากฎว่า มีกลิ่นหอมตลบอบอวล เจ้าของร้านคีบซี่โครงหมูมาชิมปรากฎว่าอร่อยมากทีเดียว จนเพื่อนบ้านต่างก็มาเคาะประตูและถามว่า ทำอาหารอะไรอยู่ ทำไมจึงมีกลิ่นหอมอย่างนี้ ตั้งแต่นั้นมา ซี่โครงหมูตุ๋นของร้านนี้ก็เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนตั้งชื่อซี่โครงหมูตุ๋นนี้ว่า “ซี่โครงหมูเมืองอู๋ซี” จากนั้นร้านขายหมูตุ๋นแห่งนี้จึงเปลี่ยนมาขายซี่โครงหมูโดยเฉพาะ และธุรกิจก็นับวันรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ

Refer : http://thai.cri.cn/1/2009/02/25/21s144511_1.htm