S Wine Bar & Bistro ดื่มชิล ทานเพลิน V.2

หลังจากที่น้าอ้วนเคยรีวิวร้าน S Wine Bar & Bistro ไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อตอนเขาเปิดร้านใหม่ๆ วันนี้น้าอ้วนมีโอกาสได้แวะไปอัพเดทรีวิวอีกรอบครับ เขามีเมนูใหม่ อยากนำเสนอ รวมไปถึงเครื่องดื่มชนิดใหม่ๆ ด้วยเช่นกัน สำหรับรีวิวรอบที่แล้ว หากใครยังไม่เคยได้ชมหรือได้อ่าน ก็สามารถตามไปอ่านได้ที่ รีวิวร้าน S Wine Bar & Bistro ได้นะครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาเริ่มรีวิวกันได้เลยครับ

น้าอ้วนคงไม่ขอพูดเรื่องบรรยากาศหรือเมนูอาหารของร้านนี้แล้วนะครับ เพราะสามารถเข้าไปดูตามลิงก์ที่น้าอ้วนแปะไว้ด้านบนได้เลย วันนี้ขอนำเสนออาหารเมนูใหม่ และเครื่องดื่มตัวใหม่ที่ทางร้านเขาเพิ่งคิดค้นได้สดๆ ร้อนๆ เลยต้องเรียกน้าอ้วนให้มาลองชิมเช่นเคย

เมนูแรกขอนำเสนอเมนูที่หลายๆ ท่านคิดว่าน่าจะคุ้นเคย เพราะถ้าไปร้านเหล้าต่างๆ ก็คงไม่พลาดที่จะสั่ง แต่ที่อื่นอาจจะเป็นเพียงกุ้งแช่น้ำปลา แต่ที่นี่ขอแหวกแนวนำเสนอ กุ้งพันแซลมอน ลักษณะคล้ายๆ กุ้งแช่น้ำปลา แต่เป็นกุ้งที่พันด้วยปลาแซลมอน พร้อมทั้งราดด้วยน้ำยำที่รสชาติแซ่บ และจัดจ้าน เวลาทานขอแนะนำว่าให้เอาส้อมจิ้มกุ้งและแซลมอนขึ้นมา เอาเข้าปาก หลังจากนั้นให้กระดก ยกซด น้ำยำที่อยู่ในแก้วให้หมด ขอย้ำว่าให้หมด เพราะจะได้รับรสชาติความจัดจ้าน และอร่อยของเมนูจานนี้จ่ะ

แว๊บแรกที่ได้พบเจอกับต้มแซ่บเนื้อตุ๋น น้องพนักงานเขายกมาวางที่โต๊ะ บอกเลยว่าไฟร้อนแรงมา ลุกพริ๊บๆๆๆ คิดในใจมันจะไหม้กรูไหมเนี่ย ๕๕๕​ พอสักพักไฟเริ่มเบาลง เผยถึงกลิ่นและรสชาติที่เข้มข้นของหม้อนี้ เนื้อตุ๋นที่ใส่มาในหม้อขอบอกเลยว่าเยอะมาก ตักกี่ครั้งก็เจอแต่เนื้อ ส่วนน้ำซุปก็แซ่บได้ใจมากๆ เปรี้ยว เค็ม เผ็ด เข้ากันอย่างลงตัว ใครที่ชอบความจัดจ้าน ร้อนแรง เมนูนี้ขอแนะนำว่าห้ามพลาดที่จะสั่ง

ส่วนเมนูนี้ยังไม่มีชื่อ ดังนั้นนั้นน้าอ้วนขอเรียกว่าเป็นขาแกะละกัน สั้นๆ ง่ายๆ แต่ดูจากหน้าตา การจัดจ้านที่เขาเสิร์ฟมาแล้ว ออกแนวต้มยำนะ เพราะมีพริก มีตะไคร้ สาระแหน่ ฯลฯ ส่วนรสชาติของขาแกะจะไม่เหมือนกับที่อื่นๆ คือที่อื่นเขาจะเป็นขาแกะตุ๋น บางที่ตุ๋นจนเนื้อร่อนแทบไม่ต้องใช้มีดแงะเลย แต่ที่นี่ยังมีเนื้อสัมผัสที่แน่นและเหนียว เวลาจะทานก็เอามีดหั่นเนื้อออกมาจากขา จิ้มกับน้ำจิ้มแจ่วและน้ำจิ้มสามรส รสชาติออกเค็มนิดๆ แต่เมื่อจิ้มกับน้ำจิ้มทั้งสองอย่างแล้วโอเคเลย (แต่น้าอ้วนแนะนำเป็นน้ำจิ้มแจ่วจะอร่อยมาก)

คอหมูคุโรบูตะจิ้มแจ่ว หมูญี่ปุ่นฟิวชั่นกับน้ำจิ้มแบบไทยๆ อีสาน รสชาติหมูออกหวานเล็กน้อย หั่นมาได้ชิ้นใหญ่เต็มปากเต็มคำ พร้อมทั้งย่างมาแบบสุกนอกแต่เนื้อข้างในยังนุ่ม เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มแจ่ว เวลาเอาเนื้อไปจิ้มกับน้ำจิ้ม น้าอ้วนรู้สึกถึงความนุ่มและรสชาติของหมูและน้ำจิ้มที่ผสานกันได้ลงตัวครับ

ปิดท้ายด้วยอาหารคาวด้วยข้าวผัดต้มยำทะเล เป็นข้าวผัดที่เอาไปผัดด้วยน้ำซอสต้มยำทะเล โรยหน้าด้วยกุ้ง หมึก และหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ตัวโต ข้าวผัดกับน้ำซอสผัดกันได้ลงตัวครับ ข้าวไม่ได้แฉะหรือแห้งจนเกินไป กำลังดีได้ที่ เป็นอาหารจานเดียวที่ร้านนี้ก็มีบริการให้ครับ รสชาติถึงว่าโอเคเลยแหละ

ขอของหวานล้างปากหน่อยนะครับ คืนนี้ขอเสนอของหวานก่อนนอนด้วย  Apple Pie ไม่ใช่ Pine Apple นะ อันนั้นจะหมายถึงสัปปะรด หึหึ …. พายแอ๊ปเปิ้ล ที่เราเรียกกันติดหูเสิร์ฟมาพร้อมกับไอศครีมวนิลา พ่วงมาด้วย Sparkling Wine ยี่ห้อ Fresno รสหวาน ทานง่าย เหมาะกับการทานกับขนมหวาน ใช่ว่าไวน์จะดื่มคู่กับอาหารเท่านั้นนะครับ ของหวานเราก็เลือกไวน์มาทานด้วยก็ได้

S Wine Bar & Bistro เป็นร้านขายไวน์ขนาดกลาง ที่น้าอ้วนเรียกว่าระดับกลางนี่ก็คือราคาอาหารของเขาก็ถือว่าไม่ได้ถูก อยู่ในระดับมาตรฐานของร้านระดับนี้ ส่วนไวน์ที่จำหน่ายก็มีราคาตั้งแต่ 500 – 3,000 บาทโดยประมาณ ซึ่งเป็นราคาที่คนมีรายได้ระดับกลางสามารถมาดื่ม มาทานที่นี่ได้ หากใครอยากลองดื่มไวน์สักครั้ง แต่กลัวว่าเข้าร้านไปแล้วจะสั่งไม่เป็น หรือไม่รู้จะเลือกอะไร ที่นี่เขาไม่ได้เป็นร้านแบบไฮโซโก้หรูอะไร แต่งตัวชิลๆ แค่มีใจอยากลองดื่ม เข้ามานั่งแล้วเรียกน้องพนักงานสอบถาม หรือให้แนะนำไวน์ดีๆ สักขวดให้ก็ได้ครับ ทางร้านยินดีต้อนรับและพร้อมที่จะแนะนำให้ลูกค้าทุกท่านเสมอ

Share on Facebook

Tweet

Follow us