Posted On
เนื้อสะเต๊ะใต้ต้นข่อย สูตรโบราณกว่า 100 ปี
วันนี้น้าอ้วนขอนำเสนอมินิรีวิว สำหรับร้านร้านที่เขาไม่ได้เป็นร้านเป็นเรื่องเป็นราว หรือเป็นอะไรที่น้าอ้วนบังเอิญพบเจอมา เห็นว่าน่าสนใจอยากนำเสนอ แต่อาจจะไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะทำเป็น Full Review ได้ จึงขอแตก section นี้ออกมาเป็น Mini Review แล้วกันนะครับ
สำหรับวันนี้น้าอ้วนบังเอิญได้รับการแนะนำจากพี่คนหนึ่งที่เขาได้แนะนำร้านเนื้อสะเต๊ะอร่อยๆ ให้อยากลองไปชิม เขาบอกว่าร้านนี้มีประวัติร่วม 100 ปี ป๊าดดดดดด ยาวนานขนาดนั้น ทำไมน้าอ้วนไม่รู้จัก ทำไมไม่เคยมา และยิ่งร้านนี้อยู่แถวช้างคลานด้วย โอวววว ฉันมัวไปอยู่ที่ใด ทำไมไม่เคยได้มาลองสักครั้งเนี่ย ดังนั้นพอได้ข้อมูลครบถ้วนแล้วจึงแว้นรถไปทันที และแล้วก็มาถึง เนื้อสะเต๊ะใต้ต้นข่อย (พี่แขก)
ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆ ครับบรรยากาศเปิดโล่งคือโต๊ะที่ให้ลูกค้านั่งทานหนะ มันจะเป็นเหมือนตู้หาบ เพราะเท่าที่คุยกับพี่แขกแล้ว คือตู้นี้เนี่ยสืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น ซึ่งเนื้อสะเต๊ะของพี่แกนี่ถ้านับตั้งแต่ริเริ่มเดิมทีมา ณ เวลานี้ก็ร่วม 100 ปีแล้วนะ จากอดีตจนถึงปัจจุบันก็ไปขายมาหลายที่แหละ จนสุดท้ายมาอยู่ที่ใต้ต้นข่อย ร่มรืนบนถนนระแกงตรงนี้นี่เอง
ทางมาร้านง่ายๆ เลย น้าอ้วนขอเริ่มจากสี่แยกแสงตะวัน (สี่แยกพันทิพย์พลาซ่า) ให้ตรงมาทางช้างคลาน ขับมาเรื่อยๆ จนถึงสี่แยกโรงแรมลานนา พลาเลซ ให้เลี้ยวขวา เข้าสู่ถนนระแกง ขับมาประมาณ 100 เมตรเจอร้านไก่ย่างวิเชียรบุรี (ซ้ายมือ) ให้มองทางขวามือเลย จะเห็นพี่แขกนั่งย่างสะเต๊ะอยู่ตรงนี้ (ถ้าไม่เห็น คือหมด ปิดร้านกลับบ้านแล้ว)
อย่างที่น้าอ้วนบอกว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่น้าอ้วนมาลองทาน เพื่อให้ได้บรรยากาศจึงขอนั่งทานที่ร้านนะวันนี้ พอนั่งปุ๊บก็ถามแม่ค้าก่อนว่าขายยังไงครับ แม่ค้าก็บอก 5 ไม้ 20 บาท น้าอ้วนก็โอเคนะ ก็เลยบอกว่าเอา 10 ไม้ …… แม่ค้าก็ยิ้มให้ เวลาผ่านไปสักพัก แม่ค้าก็บอกว่าก็หยิบทานได้เลยค่ะ เวลาคิดเงินนี่คิดตามไม้ 55555 อ่อ เป็นอย่างนี้นี่เอง
คืออย่างนี้ ลูกค้าทุกคนที่นั่งทานกัน (มีเก้าอี้ประมาณ 8-10 ตัวได้) นั่งล้อมวงแม่ค้า (เหมือนเราไปทานเทปันยากิ ที่เชฟจะทำอาหารต่อหน้าเรา) พอปิ้งเสร็จเขาก็จะเอามาวางใส่ในจานกลาง คือใครอยากทานก็หยิบได้เลยครับ พอกินหมดก็เอาไม้วางข้างๆ เวลาคิดเงินแม่ค้าก็จะคิดเงินตามจำนวนไม้ที่เรากินไป ง่ายๆ ไม่เรื่องมาก
แต่สิ่งหนึ่งที่น้าอ้วนสัมผัสได้คือ การมาทานอะไรแบบนี้มันก็เป็นการสร้างสังคมเล็กๆ คือคนที่ไม่รู้จักกัน พอได้มานั่งทานด้วยกันก็มีประเด็น เปิดเรื่องคุยกัน ใครมีความเห็น หรืออะไรก็สามารถมาสนทนากัน เหมือนเป็นการสร้างสังคมเล็กๆ (วันที่น้าอ้วนไป มีประเด็นเรื่องมะนาวแพง ๕๕๕๕) จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือ น้ำจิ้มสะเต๊ะ จะเป็นสูตรดั้งเดิม ไม่เหมือนกับน้ำจิ้มสะต๊ะถั่วทั่วไปที่จะออกสีส้มๆ น้ำตาลๆ หวานหน่อยๆ แต่ที่นี่เป็นแบบรสชาติกลางๆ ก็อร่อยไปอีกแบบ
ร้านนี้ขายตั้งแต่ 08.00 น. ไปจนถึงประมาณเที่ยงๆ บ่ายๆ หรือถ้าช่วงไหนเป็นเทศกาล ประมาณ 09:00 น. – 10:00 น. ก็หมดแล้ว จำกัดที่ 1,000 ไม้ต่อวันนะจ๊ะ ถ้าหมดพี่แขกก็จะกลับบ้านไปพักผ่อน พรุ่งนี้ว่ากันใหม่ 🙂
❤