Posted On
อิ่มอร่อยกับอาหารเกาหลีสูตรเด็ด Tudari Express เมญ่าเชียงใหม่
สำหรับรีวิวนี้น้าอ้วนคงต้องกล่าวคำทักทายว่า “อันยองอาเซโย” แปลว่าสวัสดีในภาษาเกาหลีนั่นเอง พอน้าอ้วนทักทายมาแบบนี้ปุ๊บ หลายคนคงทายกันถูกแล้วสิว่าวันนี้น้าอ้วนจะมาแนะนำร้านอาหารอะไรให้รู้จักกัน ใช่แล้วครับ วันนี้เราจะพามากินอาหารญี่ปุ่น เอ๊ยไม่ใช่ … เป็นอาหารเกาหลีกันครับ กับร้านอาหารเกาหลีชื่อดัง ที่เขามีประวัติอันยาวนานและมีสาขาทั่วประเทศเกาหลีกว่า 2,000 สาขา และวันนี้ร้าน Tudari Express ได้มาเปิดสาขาที่ห้างเมญ่า เชียงใหม่ของเรา หากใครไม่เคยรู้จักน้าอ้วนขอแอบกระซิบนิดหนึ่งว่าร้านนี้เป็นของนักแสดงสาวชื่อดังด้วยนะ
ชื่อร้าน : อิ่มอร่อยกับอาหารเกาหลีสูตรเด็ด Tudari Express เมญ่าเชียงใหม่
ที่อยู่ : ชั้น 4 ศูนย์การค้าเมญ่า เชียงใหม่ ถนนห้วยแก้ว ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด GPS : 18.802044,98.967728 (แผนที่จาก Google Map)
ติดต่อ : 052 081 555 , https://www.facebook.com/tudariexpressmayachiangmai
เวลาเปิด-ปิด : 10:00 – 22:00 น. ทุกวัน
Wongnai Review : http://www.wongnai.com/restaurants/162113iK-tudari-maya-chiangmai
สำหรับใครที่ไม่เคยรู้จัก หรือไม่เคยได้ยินชื่อของ Tudari มาก่อน น้าอ้วนขอเล่าประวัติของร้าน Tudari ให้ฟังสักนิด ที่จริงแล้วร้าน Tudari เนี่ยเขาก่อตั้งเมื่อปี 1987 ที่ประเทศเกาหลีครับ เดิมทีร้านนี้เขาเป็นร้านปิ้งย่างมาก่อนนะ ก็เปิดร้านมาด้วยความเอาใจใส่ในวัตถุดิบรวมไปถึงเรื่องของการบริการ เลยทำให้ Tudari เป็นร้านอาหารที่เป็นที่นิยมของคนเกาหลี จนเปิดสาขากว่า 2,000 สาขาทั่วประเทศเกาหลี และเริ่มขยายไปยังประเทศต่างๆ อย่างประเทศจีนนี่ ก็เปิดไปแล้วกว่า 200 สาขา และเมื่อปี 2553 นี้เอง คนไทยของเราก็ได้ร่วมมือกับเจ้าของ Tudari ที่เกาหลี มาขยายสาขาที่ประเทศไทย โดยเริ่มที่กรุงเทพก่อน แล้วแตกสาขาออกมาต่างจังหวัด มาที่เชียงใหม่ บริเวณชั้น 4 ห้างเมญ่านับเป็นสาขาต่างจังหวัดของ Tudari แห่งแรก และใช้ชื่อว่า Tudari Expresss
บรรยากาศของร้านจะเป็นร้านเล็กๆ อยู่กลางห้างเลย มีโต๊ะเก้าอี้ก็พอสมควรครับ เอกลักษณ์ของ Tudari Express ก็คือเวลาที่ลูกค้าเดินเข้าร้าน พนักงานต้อนรับก็จะบอกว่า “ลูกค้าเข้าค่ะ” แล้วพนักงานทุกคนก็จะพร้อมเพรียงกันพูดต้อนรับทักทาย “อันนยองฮาเซโย – 안녕하세요” ซึ่งแปลว่าสวัสดี แล้วตอนที่เรานั่งทานไปเรื่อยๆ ก็จะมีพนักงานถามเกี่ยวกับรายการอาหาร แล้วพนักงานก็จะพูด “ไฮ่” เป็นระยะๆ …. สุดท้ายเมื่อกินเสร็จ เดินออกจากร้าน ก็จะมีการกล่าวลา “คัมซัมนิดา – 감사합니다” แปลว่าขอบคุณ
ที่จริงแล้วร้าน Tudari เนี่ยเขามีทั้งเป็น Tudari เฉยๆ ซึ่งบริการอาหารแบบเต็มรูปแบบ แต่ที่เชียงใหม่จะเป็นลักษณะของ Tudari Express ซึ่งจะเป็นร้านที่เน้นความรวดเร็ว ง่ายๆ มีเมนูไม่กี่อย่างแต่ก็เป็นเมนูที่ยอดฮิตของชาวเกาหลี ว่าจะมีอะไรบ้าง แล้วราคาเท่าไร ดูตามเมนูได้เลยจ้า
เริ่มต้นจากเมนูเกาหลีสุดยอดฮิต ที่ใครไปทานอาหารเกาหลีต้องถ่ายรูปของ Facebook ตลอดสิน่า เมนูนี้ชื่อว่า ชินดังดงต๊อกปกกิ (Shindangdong Topokki) ชื่ออ่านยากเหมือนกันเนอะ ถ้าจะพูดกันตามประสาบ้านเราง่ายๆ ก็คงแปลได้ว่า หม้อไฟต๊อกปกกิซอสโกชูจังแบบเผ็ด ซึ่งตอนเสิร์ฟเขาจะเสิร์ฟมาบนหม้อไฟ แล้วจัดหน้าตาอาหารตามแบบนี้เลย ด้านในก็จะมีพวกผัก มีเส้นต๊อกปกกิ (เหมือนก๊วยจั๊บบ้านเรา แต่แน่นกว่า) และมีพวกสาหร่าย ต้นหอมญี่ปุ่น แครอท ไข่ต้ม ฯลฯ ด้านบนก็จะมีเส้นชินราเมน (ลักษณะเหมือนมาม่าบ้านเราเลย แต่เหนียวนุ่มกว่ามาก) และราดด้วยซอสโกชูจังไว้ด้านบน ตอนสั่งพนักงานก็จะถามว่าจะรับแบบเผ็ดน้อย เผ็ดกลาง หรือเผ็ดมาก ซึ่งบอกตามตรงว่าอยู่ดีๆ ถ้าใครมาถามแบบนี้ เราก็คงตอบลำบาก เพราะมาตรฐานความเผ็ดของแต่ละร้านไม่เท่ากันใช่ไหม? ดังนั้นน้าอ้วนเลยขอแนะนำว่าให้สั่งแบบเผ็ดกลางดูก่อน ถ้าชิมดูแล้วยังไม่สะใจพอ ขอพริกเพิ่มได้ครับ เพราะเราสามารถเพิ่มความเผ็ดได้ (แต่ถ้าสั่งเผ็ดมากมาก่อน แล้วกินไม่ได้ จะลดระดับความเผ็ดลง นี่คงยากนะ)
ชินดังดงต๊อกปกกิจะเสิร์ฟมาพร้อมกับเครื่องเคียงอย่างที่น้าอ้วนได้บอกไปเมื่อกี้ว่ามีอะไรบ้าง แต่เราสามารถเลือกท๊อปปิ้งที่จะเอามาใส่เพิ่มได้ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อไก่ เนื้อวัว เนื้อหมู หมูสามชั้น ปูอัด เนื้อกุ้ง ปลาหมึก ฯลฯ แล้วแต่ว่าเราชอบที่จะทานอะไร ก็เลือกสั่งมาเพิ่มได้ตามความต้องการ
แล้วถามว่าวิธีการทานหละ? เขาทานกันยังไง? ก็ไม่ยากนะ บ้านเราต้มมาม่ายังไง ก็อย่างนั้น ๕๕๕ (แหมๆๆๆ) เอาเป็นการเป็นงาน เขามีวิธีอยู่ 3 Step ด้วยกันคือ 1.) รอให้น้ำเดือด 2.) เมื่อเส้นเกือบสุกได้ที่ ให้ใส่ท๊อปปิ้งทั้งหมดลงไป (โดยที่ให้เราคว่ำเส้นเอาซอสโกชูจังให้มันคว่ำลงละลายกับน้ำ) และ 3.) รอให้สุก เราก็สามารถอร่อยกับชินดังดงต๊อกปกกิ ได้ทันที เห็นไหม ไม่ยากเลย ….. แต่ตอนกินนี่สิ เวลาจะตักเส้นก็ระวังหน่อยนะ ค่อยๆ เบาๆ เพราะเส้นมันจะยาวมาก ถ้าไม่ระวังหละก็ น้ำซุปร้อนๆ อาจจะกระเด็นใส่เพื่อนคนที่นั่งตรงข้ามก็ได้ 🙂
เมนูที่สองชื่อสั้นหน่อย บิบัมบับไก่/หมู/เนื้อ Dolsot Bibimbap แต่ที่น้าอ้วนเลือกวันนี้เป็นหมูครับ บิบัมบั๊บเรียกได้ว่าเป็นข้าวยำและซอสพริกสไตล์เกาหลีเสิร์ฟในชามหินร้อน ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกว่าชามหินร้อน พอเอามือแตะนิดเดียว โอ้โห…. แทบจะเอามาจับติ่งหูไม่ทัน ร้อนมากครับ เวลาทานพนักงานก็แนะนำว่าให้ราดซอสพริกเกาหลีลงไปในชาม แล้วก็เอาช้อนคน โดยที่พยายามให้ข้าวแตะกับขอบชาม เพราะจะได้ร้อนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งด้านในก็จะมีผักค่อนข้างเยอะ มีเนื้อหมูด้วย มีไข่ไก่สด เวลาที่คลุกทุกอย่างเข้ากันมันจะเหมือนข้าวยำแบบทางใต้บ้านเรา แต่ร้อนมาก และรสชาติออกแนวเผ็ดๆ เค็มๆ เปรี้ยวๆ กิมจิ มีผักเยอะแยะครับ ถือว่าเป็นอาหารที่จะเรียกว่าเพื่อสุขภาพได้เลยนะ
เมนูที่สามต๊อกปกกิซีฟู๊ด Seafood Topokki ชื่อคุ้นๆ ใช่ไหม? ชื่อคล้ายๆ กับ ชินดังดงต๊อกปกกิเลย ใช่แล้วครับ คำว่า ต๊อกปกกิ คือชื่อเส้นแป้งเกาหลีอย่างหนึ่ง ลักษณะคล้ายๆ เส้นก๋วยจั๊บบ้านเรา แต่เนื้อเขาจะแน่นมากกว่า เมนูนี้จะเอาเส้นต๊อกปกกิมาผัดกับซอสโกชูจัง (ซอสอันเดียวกับที่เรากินชินดังดงต๊อกปกกิเมื่อกี้นั่นแหละ) รสชาติจะออกแนวรสจัด เส้นจะแน่นมาก แล้วก็มีซีฟู๊ดทั้งหมึก กุ้ง ต่างๆ อยู่เต็มชามเลย เสิร์ฟมาพร้อมกับผักสด และซุปมิโสะ
ใช่ว่าญี่ปุ่นจะเป็นชาติเดียวที่มีแต่อาหารกล่อง ที่เราเรียกว่าเบนโตะ ชนชาติเกาหลีเขาก็มีเช่นกัน (คนไทยก็มีนะ ปิ่นโตนั่นไง ๕๕๕) ข้าวกล่องภาษาเกาหลีเขาเรียกว่า Dorisak วันนี้น้าอ้วนเอาข้าวกล่องหมูผัดเผ็ด มาให้รู้จักกันครับ ข้าวกล่องนี้เขาก็จะแยกเป็นล็อคๆ ชัดเจน ด้านในก็จะมีเนื้อหมูผัดเผ็ดกับซอสรสเผ็ด เสิร์ฟมาพร้อมกับกิมจิ (แหมเป็นเครื่องเคียงที่ขาดไม่ได้เลยทีเดียวเชียว) ไข่หวานย่าง และเครื่องเคียงต่างๆ อีกมากมาย รสชาติถือว่าโอเคดีนะครับ หมูผัดกับซอสได้รสชาติเผ็ดร้อนจัดจ้านดี ทานกับข้าวร้อนๆ และยังมีไข่หวาน กิมจิ ทานคู่กันด้วย
ที่นี่ก็ยังมีอาหารทานเล่นด้วยนะ วันนี้น้าอ้วนเอาชีสแคร็ปสติ๊กส์ มาแนะนำ จะเป็นปูอัดที่สอดไส้ด้วยชีสแล้วเอาชุบแป้งและทอดให้เหลืองกรอบ ชีสด้านในจะละลาย เวลาจิ้มกับซอสก็ถือว่าอร่อย เป็นอาหารทานเล่นที่ง่ายๆ และเรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดีเลยนะจ๊ะ
นอกจากนั้นก็ยังมีเครื่องดื่มให้เลือกอีกหลายอย่างนะครับ แต่มีอย่างหนึ่งที่น่าจะเรียกได้ว่าเป็น Signature ของที่นี่และคงหาดื่มที่ไหนไม่ได้ คือโยเกิร์ตเยลลี่ จะเป็นเครื่องดื่มนมเปรี้ยวรสโยเกิร์ต ที่เขาเอามาปั่นผสมกับเยลลี่ เวลาเราดื่มเราก็จะได้อารมณ์ในการเคี้ยวเยลลี่กรุบๆ แต่เขาไม่ได้ปั่นจนละเอียดเนียนเป็นเนื้อเดียวกับน้ำนะครับ ยังมีเนื้อสัมผัสให้เราได้เคี้ยวเล่นได้ด้วย และน้ำแตงโมที่หวานกำลังพอดี เย็นๆ สดชื่น
ร้านอาหารเกาหลีในเชียงใหม่ ยังถือว่ามีไม่เยอะเท่าร้านอาหารญี่ปุ่นหรือร้านอาหารยุโรป การที่ Tudari Express มาเปิดสาขาในจังหวัดเชียงใหม่ก็ถือว่าเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ให้เราได้ลองทานอาหารเกาหลีรสชาติแบบดั้งเดิม ตามแบบฉบับของ Tudari เกาหลี ซึ่งเป็นร้านอาหารเกาหลีที่มีสาขากว่า 2,000 สาขาทั่วประเทศ และเริ่มขยายสาขาไปในต่างประเทศในทวีปเอเชียของเรา รวมไปถึงประเทศไทยบ้านเรา จำนวนของสาขาในเกาหลีที่มีมากมายเช่นนั้น ย่อมเป็นตัวการันตีได้เลยว่า Tudari นั้นเป็นหนึ่งในอาหารเกาหลีชั้นแนวหน้าของประเทศ และวันนี้เราคนเชียงใหม่ได้มีโอกาสได้กินต้มมาม่าเกาหลี ตามแบบฉบับแดนกิมจิแล้ว
สำหรับวันนี้น้าอ้วนก็คงต้องขอกล่าวคำว่า 또 만나요. (โตมันนาโย) …… แปลว่า แล้วพบกันใหม่
RELATED POSTS
-
สุดปัง! เมนูปัง ๆ เนื้อนุ่ม ไส้แน่น เชฟมือหนักจัดเต็มกันแบบเข้มข้น ไร้สารกันเสีย ขนมปังดี ๆ ที่ Sweet Bakes ลำพูน
-
ชิรายูริ (Shirayuri) ร้านอาหารญี่ปุ่นพรีเมียม ใจกลางเมือง
-
ก๊วนกอล์ฟพากันมาออกรอบ น้าอ้วนว่าต้องชอบ ร้านอาหารสไตล์โมเดิร์นวิวสนามกอล์ฟ – North Hill’s MIX
-
คุ้มกาแฟ ร้านกาแฟบรรยากาศดี นอกเมือง ย้อนยุคไปสมัยพ่ออุ้ย แม่อุ้ยยังสาว
-
จะไทย จะเทศ ก็มีทุกประเภท อิ่มเอมกันเต็มที่ ร้านราดหน้าฮ่องกงบ้านถวาย @นิมมานซอย 7
-
สั่งตรงจากแดนอาทิตย์อุทัย กับของหวานสไตล์ญี่ปุ่นแบบพรีเมียม ที่สุดแห่งเชียงใหม่ที่ SOFUTO CREAM
-
เติมความอิ่มและอุ่นให้ร่างกาย กับชาบูและปิ้งย่างสุดคุ้ม บุฟเฟ่ต์ไม่อั้นเริ่มเพียง 199 บาทที่ SHABU MUG
COMMENT