Posted On
สุกี้ทาโร่ ร้านอาหารบ้านๆ ที่ไม่เพียงมีแค่สุกี้ให้กิน แต่มีมากกว่านั้น
หลายคนก็คงรู้จัก และหลายคนก็คงไม่รู้จักว่าร้านสุกี้ทาโร่ นี่คือร้านอะไร ถ้ามองเผินๆ ชื่อก็บอกแล้วว่าคือสุกี้ แต่หาได้ไม่ว่าที่นี่จะมีสุกี้ให้กินแค่อย่างเดียว ร้านสุกี้ทาโร่แห่งนี้ถือเป็นร้านอาหารทะเลที่มีความสดและราคาเป็นมิตรมากแห่งหนึ่งของเชียงใหม่ หลายคนที่เคยมากินแล้วก็จะพูดกันปากต่อปากว่าร้านนี้มีเว้ยเห้ย แต่ใครที่ยังไม่เคยมา ก็อาจจะแปลกใจว่ามีร้านแบบนี้แถวนี้ด้วยเหรอ ๕๕๕ ดังนั้นวันนี้น้าอ้วนก็เลยอยากจะมาแนะนำร้านดีๆ อีกร้านหนึ่งที่ใครมาแล้วจะต้องติดใจแน่นอน กับร้าน “สุกี้ทาโร่”
ชื่อร้าน : สุกี้ทาโร่
ที่อยู่ : 11/5 ถนนสนามกีฬาเทศบาล ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด GPS : 18.801226,98.994707 (แผนที่จาก Google Map)
ติดต่อ : 089 9974263 , 053 235439
เวลาเปิด-ปิด : 10:00 – 14:00 น. และ 17:00 – 21:00 น. ทุกวัน
Wongnai Review : http://www.wongnai.com/restaurants/26418Nm-สุกี้ทาโร่
สำหรับเส้นทางมาร้านสุกี้ทาโร่ น้าอ้วนว่าจะง่ายก็ไม่ง่าย จะยากก็ไม่ยาก ร้านเขาอยู่ในเมืองนี่แหละ แต่ว่าอาจจะลึกลับซับซ้อนเล็กน้อย (แต่ก็ไม่ได้ลึกลับเวอร์อะไรมากมาย) เอาง่ายๆ หลายคนคงรู้จักสนามกีฬาเทศบาล (สนามกีฬาเก่า) น้าอ้วนขอเริ่มต้นจากจุดนี้แล้วกันเนอะ ก็ให้ตรงมาเรื่อยๆ ไปทางเจเจ มาร์เก็ต ก่อนถึงนี่แยกอัษฎาธร จะเห็นบริษัทเด่นชัย เทรดดิ้ง อยู่ซ้ายมือ และถัดมาก็คือ Nim Plaza ถ้ามองเห็นสถานที่สองที่นี่แล้วก็ให้ชะลอรถนะครับ เพราะมันจะมีซอยที่อยู่ถัดจาก Nim Plaza อยู่ ซึ่งจะมีป้ายร้าน Inside Park อยู่ เราสามารถเข้าทางนี้ได้เลย ขับเข้าซอยไปเล็กน้อย ร้านจะอยู่ด้านซ้ายมือ // หรือถ้าใครมาจากทางแจ่งศรีภูมิ เมื่อถึงสี่แยกแล้วไม่ควรเลี้ยวซ้ายนะครับ เพราะจะลำบากมาก น้าอ้วนแนะนำให้ตรงไปก่อนนิดหนึ่ง แล้วมองด้านซ้ายมือ จะเห็นร้านขายแว่นตา แว่นแก้วกฤติยา (ถ้าอนาคตเขาจะเปลี่ยนเป็นอะไรก็สังเกตุกันเอานิดหนึ่ง) จะมีซอยข้างร้านเล็กๆ ให้เลี้ยวเข้าซอยไปครับ พอเลี้ยวปุ๊บก็ให้เลี้ยวซ้าย เลยร้าน Inside Park มาก่อน แล้วร้านสุกี้ทาโร่ จะอยู่ขวามือ (ขออนุญาตให้ภาพจาก Google Maps ประกอบ เนื่องจากตอนที่น้าอ้วนไปรีวิว เป็นตอนกลางคืนแล้วจ้า)
สำหรับบรรยากาศร้านน้าอ้วนว่าร้านนี้เป็นร้านแนวบ้านๆ เจ้าของร้านเขาไม่อยากให้เป็นร้านโอ่โถง เป็นร้านง่ายๆ สบายๆ ให้คนที่เข้ามารู้สึกเหมือนว่าไม่ต้องเกร็ง แต่ถ้าตอนเย็นใครอยากนั่งด้านนอกนี่บอกเลยว่าพกยากันยุงกันมาสักนิดก็ดี เพราะยุงค่อนข้างชุมหน่อย แต่ด้านในนี่โอเคมาก ไฟสว่างดี
ก่อนสั่งเรามาเปิดเมนูกันดูสักนิด ส่วนมากรายการอาหารนี้จะเป็นอาหารทะเล หลายคนคงสงสัยว่าในเมื่อขายอาหารทะเล ทำไมถึงตั้งชื่อร้านว่าสุกี้ทาโร่ ซึ่งน้าอ้วนก็แปลกใจเหมือนกันเลยนั่งคุยกับเจ้าของร้านว่าเพราะอะไร คุณทาโร่ เจ้าของร้านเล่ามาว่า เมื่อก่อนตอนที่เป็นหนุ่มๆ ได้เข้าเมืองมารับจ้างทำงานร้านสุกี้ชื่อดังของเชียงใหม่ เป็นลูกจ้างเขา แต่ด้วยชื่อของคุณทาโร่นั้นเรียกยากมาก (เท่าที่น้าอ้วนถามเขาออกเสียงว่า “ปิตาลุก” ครั้นจะถามต่อก็คงยาว โอเคไหนๆ ก็ชื่อทาโร่ละ ก็เรียกทาโร่ละกัน) และพอร้านสุกี้ชื่อดังปิดตัวลง คุณทาโร่ก็เลยมาเปิดร้านอาหารจึงตั้งชื่อร้านว่า “สุกี้ทาโร่” มาจนถึงทุกวันนี้ร่วมๆ สิบกว่าปีได้
ร่ายประวัติร้านมาซะยาว เกือบลืมเรื่องเมนูอาหาร พอน้าอ้วนเปิดดูแล้วรายการซะส่วนใหญ่จะเป็นอาหารทะเล แต่ต้องมาสะดุดที่ราคา คือแบบว่าเฮ้ยทำไมมันถูกแบบนี้อ่ะ แล้วแบบนี้คุณภาพจะเป็นไงหละ สงสัยต้องมาลองพิสูจน์ดูซะก่อน
เมนูแรกที่เสิร์ฟมาก็คือ “ต้มยำกุ้งน้ำข้น” ต้มยำกุ้งที่ใส่หม้อไฟมาไฟทุกท่วม ร้อนๆ น้ำซุปดูเข้มข้นดีนะ สีสันจัดจ้าน เมื่อลองเอาช้อนตักดูแล้วกุ้งเอย เห็ดเอย และเครื่องต้มยำต่างๆ อัดแน่นกันมาก รสชาตินี่บอกเลยว่าโอเคเลยนะ น้ำซุปจัดจ้านได้ที่พร้อมทั้งกุ้งที่เรียกได้ว่ายังคงสดอยู่ในระดับหนึ่ง (อาจจะไม่ได้สดเวอร์อะไรมากมาย) แต่ถือว่าคุณภาพมันเกินราคานะ
“ปูผัดผงกะหรี่” เมนูที่หลายๆ คนเวลาไปร้านอาหารทะเลคงต้องสั่งกันแน่นอน แต่เมื่อสั่งไปแล้วจานหนึ่งเรียกได้ว่ากระเป๋าตังแทบฉีก เพราะว่าปูผัดผงกะหรี่ตามร้านดีๆ ทั่วไปรับรองว่าจานหนึ่งนี่เฉียดๆ 1,000 บาทแน่นอน แต่น้าอ้วนมาเจอจานนี้ น้ำหนักปูประมาณ 3 ขีด ตัวก็ไม่ใช่จะเล็กอะไร ใหญ่พอดี พอทาน 2-3 คนอิ่ม สนนราคาจานนี้ประมาณ 240 บาท หืมมมมมมม ตั้งแต่ไปรีวิวร้านอาหารทะเลมา เกิดมายังไม่เคยเห็นปูผัดผงกะหรี่อะไรราคาจะถูกแบบนี้มาก่อน (เฉลี่ยราคาปูขีดละ 80 บาท) แถมรสชาติยังโอเค เข้มข้นตามแบบผัดผงกะหรี่แท้ๆ ด้วยนะ
เมนูต่อมาที่เอามาเสิร์ฟ ลักษณะเป็นวงกลมๆ นุ่มๆ เด้งดึ๋งๆ ก็คงหนีไม่พ้น “ทอดมันกุ้ง” ด้านนอกนี่ทอดออกมาสีเหลืองสวยกำลังดี พอเอาช้อนเฉาะลงข้างในก็จะพบเนื้อกุ้งที่ปรุงเครื่องมาแล้ว อัดแน่นอยู่ข้างในรสชาติกลมกล่อมกำลังดี เนื้อเด้งดึ๋งมาก พอเอาจิ้มกับน้ำจิ้มบ๊วยด้วยหละก็ รู้สึกว่าฟินมาก
“ข้าวผัดปูจานใหญ่” เสิร์ฟกันมาแบบแบ่งกัน 4 คนนี่สบายๆ เลยข้าวผัดที่หอมกรุ่นเครื่องปรุงต่างๆ รสชาติกลมกล่อม จุดเด่นคือเนื้อปูที่ใส่มาเขาไม่ได้ใส่วิญญาณปูนะ เนื้อปูแน่นๆ แต่อาจจะไม่ชิ้นใหญ่ตู้มต้าม แต่ก็เรียกว่ามีให้เคี้ยวกันเพลินอ่ะ
จานต่อมาเป็นจานที่เอาน้าอ้วนสะตั้นไป 5 วินาที เพราะว่ามันจานใหญ่มาก “ทับทิมนึ่งมะนาว” ปลาทับทิมตัวโตมาก นึ่งมะนาว ราดด้วยน้ำซอสที่เปรี้ยว เผ็ด เค็ม รสชาติจัดจ้านและเนื้อปลายังนุ่มและเยอะมาก ถามคุณทาโร่แล้ว ปลาตัวนี้ราคาเท่าไร คำตอบที่ได้คือ 180 บาท เล่นเอาน้าอ้วนอึ้งไปเลย
ปิดท้ายด้วยจานร้อน “หอยลายผัดน้ำพริกเผา” จุดเด่นเลยก็คือหอยลายตัวโตมาก ปกติเวลาไปกินหอยลายผัดฉ่า หรือผัดอะไรก็ตามที่ร้านอื่น จะเจอหอยลายตัวเล็กๆ แบบว่าแงะเปลือกออกมาแล้วก็ได้เนื้อแค่นิดเดียว แต่หอยลายที่นี่บอกเลยว่าขนาดตามแนวขวางของเปลือกหอยพอๆ กับเหรียญ 10 บาทเลยแหละ เวลาแงะเปลือกแล้วทานเนื้อหอยนี่รสชาติกลมกล่อม เผ็ดและหอมน้ำพริกเผาดี เต็มปากเต็มคำมาก
ร้านอาหารทะเล ที่ชื่อไม่ได้บ่งบอกเลยว่าขายอาหารทะเล แต่กลับว่ามีจุดเด่นที่โดดเด่นมากก็คือเรื่องของราคา และปริมาณที่ได้ แต่บรรยากาศอาจจะไม่ได้หรูหราอะไร แน่นอนหละถ้าบรรยากาศหรูหรา ราคาก็คงไม่ใช่แบบนี้หรอก หลายคนที่เคยได้ยินเรื่องของราคาของที่นี่ว่าเป็นอาหารทะเลที่ราคาถูก อาจจะคิดว่าคุณภาพของวัตถุดิบอาจจะแปรผันตามราคานั่นแหละ แต่น้าอ้วนได้มาพิสูจน์แล้วว่าไม่เลย ถึงแม้ราคาจะเป็นมิตรกับคนกินมาก แต่คุณภาพอยู่ในขั้นที่ว่าดี (อาจจะไม่ได้สดเวอร์เหมือนร้านดีๆ หรูๆ ร้านอื่น) ดังนั้นจึงเป็นคำตอบได้ว่าทำไมสุกี้ทาโร่แห่งนี้ จึงเป็นร้านอาหารทะเลที่ผู้คนทั่วเชียงใหม่ถึงนิยมแวะมาทานกัน
COMMENT