Posted On
เพลินไปกับเครื่องชงกาแฟ Nescafe Dolce Gusto ชงกาแฟแก้วโปรดได้ง่ายๆ ที่บ้าน
รีวิวเรื่องนี้อาจจะดูแปลกหน่อย เพราะว่าน้าอ้วนไม่ได้พาไปเที่ยวชิมร้านอาหารร้านไหน วันนี้อยู่บ้านเนี่ยแหละ หากาแฟดื่มสักแก้ว สองแก้ว แต่ก็ไม่ได้สั่งจากร้านไหนนะ ๕๕๕๕ เพราะว่าวันนี้น้าอ้วนมีของเล่นตัวใหม่ ที่เพิ่งได้มาสดๆ ร้อนๆ ลองเอามาเล่นดู ของเล่นที่ว่าก็คือเครื่องชงกาแฟ แต่ไม่ได้เป็นเครื่องชงแบบที่เราเห็นกันตามร้านกาแฟ ที่เป็นเครื่องชงใหญ่ เครื่องหนึ่งเป็นแสนๆ นะจ๊ะ ๕๕๕๕ แต่มันเป็นเครื่องชงกาแฟแคปซูล ที่ใช้ตามบ้านทั่วไปนี่แหละจ้า
เครื่องชงกาแฟที่น้าอ้วนจะมารีวิวให้ดูในวันนี้ชื่อ Nescafe Dolce Gusto Drop (เนสกาแฟ ดอลเซ่ กุสโต้ ดร๊อป) เป็นเครื่องชงกาแฟแคปซูล ของ Nescafe เครื่องนี้ทางเนสกาแฟ เขาส่งมาให้น้าอ้วนได้ลองใช้ เพราะเห็นว่าน้าอ้วนเป็นคนชอบดื่ม ชอบกิน และหลายๆ ร้านกาแฟที่น้าอ้วนไปรีวิว ดังนั้นเขาก็เลยอยากให้มาลองกาแฟแคปซูลดูบ้าง ซึ่งน้าอ้วนก็ไม่ขัดศรัทธา ๕๕๕๕๕
รุ่นที่อยู่ในมือน้าอ้วนนี่ถือเป็นรุ่นล่าสุด ผลิตโดยบริษัท KRUPS หลายคนคงคุ้นหูชื่อนี้ เพราะเป็นบริษัทที่ผลิตพวกอุปกรณ์ที่ใช้เกี่ยวกับห้องครัว และหนึ่งในนั้นก็คือเครื่องชงกาแฟ ดังนั้นจึงหายห่วงเรื่องเทคโนโลยีที่เขาจะเอามาใช้กันได้เลย ถึงแม้เครื่องชงกาแฟเครื่องนี้จะเห็นเล็กๆ หัวโตๆ แบบนี้แต่มันก็ยังมีแรงดันถึง 15 บาร์ ซึ่งเป็นแรงดันที่เทียบเท่าหรือใกล้เคียงกับเครื่องชงกาแฟขนาดใหญ่ๆ (แต่ระดับนั้นตัวก็เป็นหมื่น เป็นแสนกันเลยทีเดียว) ที่สำคัญเครื่องนี้สามารถทำเครื่องดื่มได้ทั้งร้อนและเย็นในเครื่องเดียว โดยเครื่องดื่มร้อนก็สามารถทำได้เลยเพราะเครื่องชงกาแฟนี้มีเทคโนโลยี Thermoblock System ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้น้ำร้อนทันทีในครั้งแรกที่เรียกใช้งาน รวมไปถึงเรื่องการดีไซน์ เห็นว่าได้แรงบันดาลใจมาจากหยดกาแฟ (ตอนแรกน้าอ้วนก็งงๆ ว่าเขาออกแบบมาอะไรยังไง แต่พอได้เห็นคลิปวีดีโอแล้ว โอวววว ช่างลึกล้ำ) ดีไซน์เก๋ๆ แบบนี้เอาไปตั้งโชว์ไว้ในบ้านได้ไม่อายใครเลยแหละ (และทุกคนก็จะถาม เธอๆ นี่เครื่องอะไรอ่ะ?)
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เครื่องชงกาแฟ Drop คลิกดูข้อมูลได้เลย
อีกทั้งถึงแม้เราจะเป็นนักดื่มกาแฟ แต่เราก็ไม่ใช่บาริสต้า ดังนั้นเรื่องการที่จะให้ไปหาเมล็ดกาแฟดีๆ หอมๆ มาใช้งานนั้นก็อาจจะเป็นเรื่องยากสักหน่อย (เลือกยากกันนิดหนึ่ง) แถมยังจะต้องมาบดเมล็ดกาแฟให้ป่นเสียก่อนแล้วถึงเอามาใส่ในกรุ๊ปเพื่อให้ได้ Espresso Shot ออกมา ตรงจุดนี้บางคนก็ตายไปเลย แต่อย่างที่บอกว่าเครื่องนี้เป็นเครื่องชงกาแฟแบบใช้แคปซูลเป็นวัตถุดิบหลักในการชงกาแฟ ซึ่งทาง Nescafe เขาก็ได้ทำกาแฟแคปซูลในรสชาติต่างๆ ให้ลูกค้าได้เลือกทาน ง่ายๆ แค่เอาแคปซูลใส่เครื่อง แล้วกดให้เครื่องทำงาน แค่นี้ก็ได้เครื่องดื่มทั้งร้อนและเย็นมาดื่มกันแล้ว ง่ายดีมะ?
พร่ามมาซะยาว ถึงเวลาที่น้าอ้วนจะสาธิตวิธีใช้งานกันให้ดูแล้ว ว่าเครื่องชงกาแฟ Nescafe Dolce Gusto เครื่องนี้ใช้งานกันยังไง บอกเลยว่าใครที่ไม่มีความรู้เรื่องกาแฟ ก็สามารถทำกาแฟดื่มเองได้ที่บ้าน
เมื่อเราเปิดเครื่องแล้ว เครื่องก็จะทำการวอร์มตัวเองจนเมื่อไฟแสดงสถานะเป็นสีเขียวแล้ว ก็แสดงว่าเครื่องพร้อมที่จะทำงาน ก่อนอื่นเราจะต้องทำการเติมน้ำสะอาดลงไปในเครื่องก่อนนะ (ถ้าไม่มีน้ำเราก็คงชงกาแฟไม่ได้ใช่มะ?) โดยแท็งก์ที่เก็บน้ำนี้สามารถจุน้ำได้ประมาณ 0.8 ลิตร ซึ่งก็เพียงพอสำหรับการชงกาแฟประมาณ 5-6 แก้วในการเติมน้ำครั้งหนึ่ง โดยแท็งก์บรรจุน้ำจะอยู่บริเวณด้านขวาของตัวเครื่อง
หลังจากนั้นแล้วให้เราเลือกว่าวันนี้เราจะดื่มเครื่องดื่มอะไร อย่างตัวอย่างนี้น้าอ้วนเลือกเป็น MOCHA แล้วกัน ง่ายๆ เลยให้เราเตรียมแก้ววางลงบนที่รองน้ำ แล้วหยิบแคปซูลของกาแฟ MOCHA ใส่ลงไปในถาดแคปซูล โดยการชงกาแฟ MOCHA นี้เราสามารถเลือกได้ว่าจะชงแบบร้อนหรือเย็น โดยจะใช้แคปซูลอยู่ 2 แคปซูลนะจ๊ะ
แคปซูลแรก สีน้ำตาล ใช้ระดับน้ำที่ 3 ขีด (110 ml)
แคปซูลที่สอง สีขาว ใช้ระดับน้ำที่ 3 ขีด (110 ml)
แล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่า กาแฟแต่ละชนิดต้องชงแบบไหน? ง่ายๆ เลยถ้าใครที่ซื้อกาแฟแคปซูลมา หน้ากล่องจะมีวิธีการชงว่าจะต้องใช้แคปซูลสีอะไรก่อนหรือหลัง (แต่ก็ไม่ซีเรียสเพราะสลับกันได้) และจะมีการบอกระดับน้ำว่าต้องใช้ระดับน้ำที่กี่ขีดในการชงแคปซูลนั้นๆ ง่ายไหมหละ? …. แต่ถ้าใครที่เอากล่องทิ้งไปแล้ว ก็สามารถดูที่ฝาของกาแฟแคปซูลได้นะจ๊ะ เพราะเขาจะมีขีดบอกระดับน้ำที่ต้องใช้อยู่บนหน้าฝาเลยจ้า
เมื่อใส่แคปซูลเข้าไปในเครื่องแล้ว ให้เรากดเลือกน้ำว่าเราจะลงแบบร้อนหรือเย็น โดยการกดสีแดงคือน้ำร้อน และกดสีน้ำเงินคือน้ำเย็น แต่ถ้าใครจะชงน้ำเย็นน้าอ้วนแนะนำให้ใส่น้ำแข็งลงในแก้วก่อนนะจ๊ะ เพราะจะทำให้เครื่องดื่มที่ไหลออกมากระทบกับน้ำแข็งแล้วเกิดความเย็นในทันที จะได้ฟินกันในแบบทันใจ และที่สำคัญไม่ต้องมาเสียเวลาตีฟองนม เพราะเครื่องจะทำฟองนมให้สำเร็จรูปจากแคปซูลเลยจ้าาาา
เสร็จแล้วก็ดึงถาดใส่แคปซูลออกมา แล้วเอาทิ้งในถังทิ้งแคปซูล แต่ระวังหน่อยนะจ๊ะ อย่าเพิ่งเอามือไปแตะบนฝาแคปซูล เพราะข้างในนั้นยังมีน้ำร้อนที่คงค้างเหลือ (ในกรณีชงเครื่องดื่มร้อน) ถ้ามือไปแตะไประวังร้อนหรือไม่ก็น้ำร้อนจะหกออกมาลวกมือได้
ซึ่งเครื่องดื่มรสชาติอื่นๆ ก็มีวิธีในการชงที่เหมือนกัน ส่วนมากแล้วจะใช้ 2 แคปซูลส่วนใหญ่ สำหรับเครื่องดื่มที่มีพวกนมเป็นส่วนผสม ยกเว้น GRANDE INTENSO (กาแฟดำ) และ NESTEA PEACH (ชาพีช)
โดยส่วนมากแล้วเครื่องดื่มหลายๆ ตัวของ Nescafe Dolce Gusto สามารถชงได้ทั้งร้อนและเย็น แต่เท่าที่น้าอ้วนเอามาลอง จะมีชาพีช เนี่ยแหละ ที่เขาให้ชงน้ำเย็น ซึ่งเครื่องดื่มตัวไหนที่ชงน้ำเย็นได้อย่างเดียว เขาจะมีสัญลักษณ์บอกไว้ที่หน้ากล่องนะจ๊ะ โปรดดูให้ดี
และปัญหาที่เจอสดๆ ร้อนๆ (ชงเครื่องดื่มไป รีวิวไป ๕๕๕๕) คือบางครั้งเราชงจนเพลิน แล้วลืมไปว่าน้ำหมด พอน้ำหมดปุ๊บเครื่องจะหยุดทำงานทันที เพื่อป้องกันความเสียหายของตัวเครื่อง หน้าที่ของเราก็คือต้องเติมน้ำลงไปใหม่ พอเติมเสร็จก็กดปุ่มปล่อยน้ำได้ตามปกติ แค่นี้ก็ได้เพลินกับเครื่องดื่มอร่อยๆ แบบไม่ขาดตอน
ความคุ้มค่าในการใช้งานเครื่องชงกาแฟ
พูดถึงเรื่องความคุ้มค่า หลายคนก็ต้องมาคิดแล้วว่าถ้าฉันซื้อเครื่องนี้มาไว้ที่บ้าน แล้วฉันต้องไปซื้อกาแฟแคปซูลเพื่อมาใช้ร่วมกับเครื่อง กับฉันไปซื้อกาแฟตามร้านทั่วไปที่เขาขายกันแก้ว 50-70 บาท อันไหนจะดีกว่ากัน ซึ่งจุดนี้น้าอ้วนก็มาคิดนะว่าถ้าชงเอง กับไปซื้อเขาเนี่ยมันจะต่างกันมากไหม? ยกตัวอย่าง
NESTEA ICED PEACH TEA ราคา 329 บาท บรรจุ 16 Capsules เฉลี่ย 20.5 บาทต่อแก้ว
GRANDE INTENSO ราคา 349 บาท บรรจุ 16 Capsules เฉลี่ย 21.8 บาทต่อแก้ว
CHOCOCINO ราคา 299 บาท บรรจุ 8 Capsules เฉลี่ย 37.3 บาทต่อแก้ว
CAPPUCINO ราคา 329 บาท บรรจุ 8 Capsules เฉลี่ย 41.1 บาทต่อแก้ว
GREEN TEA ราคา 329 บาทบรรจุ 8 Capsules เฉลี่ย 41.1 บาทต่อแก้ว
วิเคราะห์ข้อดีและข้อเสีย ของเครื่องชงกาแฟ Nescafe Dolce Gusto
ข้อดี
– ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องการชงกาแฟ เพราะทุกอย่างบรรจุมาอยู่ใน Capsule หมดแล้ว
– เครื่องสามารถชงเครื่องดื่มได้ทั้งร้อนและเย็น
– ไม่จำเป็นต้องเป็นกาแฟเพียงอย่างเดียว Capsule ที่จำหน่ายยังมีทั้งชาเขียว และชาพีชด้วย
– ใช้งานง่าย ทุกอย่างเป็นระบบสัมผัส
– เครื่องหยุดทำงานทันที เมื่อพบว่าน้ำหมดแท็งก์ เพื่อป้องกันความเสียหายของตัวเครื่อง
ข้อเสีย
– ไม่สามารถปรับเปลี่ยนรสชาติของเครื่องดื่มได้ เพราะทุกอย่างถูกกำหนดโดยมาตรฐานของ Nescafe แล้ว (แต่อาจจะผสมพวก Syrup กลิ่นที่ชอบภายหลังจากที่เครื่องดื่มอยู่ในแก้วแล้ว)
– ราคาค่อนข้างสูง เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องชงกาแฟทั่วไปตามท้องตลาด (ราคาขายปลีก 7,990 บาท)
เป็นไงบ้างสำหรับการรีวิวแนะนำเครื่องชงกาแฟตัวนี้ ๕๕๕๕ เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีมันทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้น สินค้าบางตัวมันก็ขึ้นอยู่กับเราว่าเรามีความจำเป็นที่จะต้องใช้ หรือตอบโจทย์ในชีวิตเราได้ น้าอ้วนเชื่อว่าถ้าบาริสต้าได้มาอ่านรีวิวตัวนี้ก็อาจจะคิดว่า แลดูไม่คุ้มเพราะว่าต้นทุนในการทำกาแฟแต่ละแก้ว (ต้นทุนจริงๆ) อาจจะถูกกว่านี้ แต่ก็ต้องมีอุปกรณ์เช่นพวกเครื่องชงกาแฟ เมล็ดกาแฟที่คั่วและบดเสร็จแล้วพร้อมที่จะชงได้เลย หรืออาจจะต้องสตรีมนม เพื่อเอามาท๊อปไว้บนลาเต้ หรือคาปูชิโน่ เป็นต้น แต่สำหรับผู้ใช้ที่ไม่มีความรู้เรื่องการทำกาแฟเลย ก็อาจมองว่าเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับการที่จะมีเครื่องชงกาแฟดีๆ การันตีคุณภาพจาก NESCAFE ซึ่งเป็นแบรนด์ที่เขาทำสินค้าเกี่ยวกับกาแฟที่มีอายุยาวนาน จึงเป็นเครื่องรับประกันได้ว่ากาแฟทุกแก้วที่ออกมาจาก Nescafe Dolce Gusto จะเป็นกาแฟคุณภาพสำหรับทุกคน
ก่อนจบหลายคนอาจจะสงสัยว่าการทำงานของ Capsule ที่ใส่เราเอาใส่เครื่องชงนั้น มันทำงานยังไง น้าอ้วนก็เลยหาข้อมูลมาให้ดู แสดงด้วยภาพง่ายๆ แต่เมื่อได้ดูแล้วจะถึงบางอ้อทันที
RELATED POSTS
-
แวะมาให้หายคิดถึงเกาหลี กับคาเฟ่ชิล กรุ่นกลิ่นอายความเป็นเกาหลีสุด ๆ ที่ Cafe Gil หลังมอชอ
-
Office Eating อาหารไทยฟิวชั่น ในสไตล์ง่ายๆ แต่อร่อย
-
อยากเต็มอิ่ม TUDARI จัดให้กับบุฟเฟ่ต์เนื้อย่างสไตล์เกาหลี กินไม่อิ่ม ไม่หยุดเสิร์ฟ
-
เยี่ยมชมบ้านโบราณอายุร้อยกว่าปี พร้อมหาของกินอร่อย บรรยากาศดีริมน้ำปิงที่ The Chocolate Factory
-
ย้อนอดีตถึงเวียงกุมกาม มองความงามของสายน้ำปิง แอบอิงธรรมชาติสดชื่น ที่ The Pagoda Bistro & Bar
-
ทานอาหารในบรรยากาศและวิวแบบ 360 องศา รสชาติและราคาสมน้ำสมเนื้อ ที่ร้านระเบียง ณ แม่ริม เชียงใหม่
-
ก๊วนกอล์ฟพากันมาออกรอบ น้าอ้วนว่าต้องชอบ ร้านอาหารสไตล์โมเดิร์นวิวสนามกอล์ฟ – North Hill’s MIX
COMMENT