Posted On
พบกับ 3 สุดยอดเมนูใหม่ จากโอโตยะ ที่คอญี่ปุ่นต้องห้ามพลาด “ถึงรส ถึงชาติ ญี่ปุ่นแท้ๆ”
เดินช้อปปิ้งกันจนเหนื่อย ลองแวะหาอะไรทานอร่อยๆ ดีไหม เดี๋ยวเทร็นด์อาหารญี่ปุ่นต้องบอกว่าเป็นอีกเทร็นหนึ่งที่ค่อนข้างมากแรง ทุกห้างจะต้องมีร้านอาหารญี่ปุ่นหลากหลายแบรนด์คอยต้อนรับลูกค้าผู้หลงไหลในอาหารญี่ปุ่นให้แวะเวียนอยู่ตลอด แต่มีอยู่แบรนด์หนึ่งที่อยากบอกว่าอยากให้ไปลอง เพราะโดยส่วนตัวของน้าอ้วนแล้วถ้าไม่หิวบุฟเฟ่ต์ ก็แวะเวียนแบรนด์นี้อยู่เป็นประจำ ๕๕๕๕๕ “Ootoya – โอโตยะ” ร้านอาหารแนว Homemade สัญชาติญี่ปุ่นที่มีประวัติมายาวนาน ที่เชียงใหม่ของเราก็อยู่ที่ Central Festival Chiang Mai นี่เอง
ร้านโอโตยะ OOTOYA เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์โฮมเมด Japanese Homemade Cooking Style ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวไทยและชาวญี่ปุ่นมากว่า 55 ปี โดยเริ่มเปิดร้านแรกในปี พ.ศ. 2501 ที่ย่าน Ikebukuro, Tokyo โดยใช้ชื่อว่า Ootoya Shokudo ปัจจุบันร้านนี้มีสาขามากกว่า 300 สาขาในประเทศญี่ปุ่น และในประเทศไทยของเรา ที่นี่เปิดสาขาแรกที่ J-Avenue ทองหล่อ ในปี พ.ศ. 2548 และทั่วประเทศไทยมีสาขาทั้งหมด 47 สาขาด้วยกัน
โอโตยะ – ถึงรส ถึงชาติ ญี่ปุ่นแท้ๆ
สำหรับเมนูที่น้าอ้วนจะมาแนะนำในวันนี้ ถือว่าเป็นเมนูใหม่ล่าสุดของโอโตยะเลยก็ว่าได้ เพิ่งเสิร์ฟร้อนๆ กันได้ไม่นานนี้เอง วันนี้น้าอ้วนจะมาแนะนำกันทั้งหมด 3 เมนูนะจ๊ะ โดยเอกลักษณ์ที่สำคัญของโอโตยะที่แตกต่างจากร้านอาหารญี่ปุ่นอื่นๆ ที่เรียกว่า “เทโชกุ” หรือศาสตร์ในการรับประทานอาหารแบบฉบับของคนญี่ปุ่น โดยจะจัดอาหารให้ครบตามหลักโภชนาการ และคัดสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุด โดยจะเห็นได้ว่าอาหารของที่นี่จะมีการจัดเป็นเซ็ท ซึ่งประกอบด้วยอาหารจานหลัก อาหารเคียง ซุป และผัก ซึ่งทั้งหมดนี้ลูกค้าจะได้รับคุณค่าทางโภชนาการครบ 5 หมู่และคุณประโยชน์สูงสุดนั่นเอง
เมนูแรก ปลากะพงแดง (โอกิเมได) หมักซอสโชยุโคจิย่างถ่าน (A la Carte : 339 บาท, Set 399 บาท) ปลากะพงแดง (โอกิเมได) นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ที่นี่เขาจะคัดปลาพิเศษที่เนื้อแน่นและนุ่ม ซึ่งจะมีกรดโอเมก้า 3 สูง ซึ่งจะดีต่อสุขภาพ หมักด้วยซอสโชยุโคจิ และนำมาย่างบนถ่านไม้ เพื่อให้ได้รสสัมผัสที่เข้มข้นและมีกลิ่นหอมเย้ายวนของซอสโชยุโคจิแบบฉบับคุณแม่ชาวญี่ปุ่น (ซอสโชยุโคจิ เป็นซอสถั่วเหลืองหมักพิเศษ ที่มีความหอมและรสชาติเข้มข้น ซึ่งจะช่วยดึงให้รสชาติของอาหารทะเลโดดเด่น และชัดเจนมากยิ่งขึ้น) ที่สำคัญที่นี่จะเสิร์ฟหัวไชเท้าขูดด้วย โดยจะขูดสดก่อนเสิร์ฟเท่านั้น เพื่อให้ได้ความสดใหม่ และรสชาติหวานเฉพาะของหัวไชเท้า
หมูหมักซอสโชยุโคจิย่างถ่าน (A la carte : 229 บาท, Set 289 บาท) เนื้อหมู S-Pure (ยี่ห้อนี้สะอาดและปลอดภัยแน่นอน) หมักซอสโชยุโคจิ ที่มีส่วนผสมของโคจิที่ใช้หมักถั่วเหลืองเพื่อทำซีอิ๊ว ค่อยๆ ย่างให้สุกบนเตาถ่านร้อนๆ จนหอมกรุ่น ราดซอสผักสุขภาพจากปวยเล้ง ผสมเทอร์นิ อุดมด้วยวิตามินและใยอาหาร รสหวานธรรมชาติจากผัก โดยอีกหนึ่งส่วนผสมสำคัญของเมนูนี้คือ ซอสผักโขมและเทอร์นิปเพียงเร ซึ่งนำผักโขมเพียวเรและเทอร์นิปจากภูเขามาขูดผสมกันจนเป็นซอสเพียวเรที่เข้มข้นราวกับซุป ที่ให้ทั้งความหวานโดดเด่นของเทอร์นิป และสีสันที่สวยงาม ทำให้อาหารดูน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น
ไก่ทอดในน้ำซุปหอมใหญ่กับหัวไชเท้าฝน (A la carte 199 บาท, Set 259 บาท) ไก่ S-Pure เนื้อนุ่ม คลุกเกล็ดขนมปังทอดใหม่ๆ ต้มในน้ำซุปปลาแห้งและสาหร่ายญี่ปุ่นสูตรใหม่จากโอโตยะพร้อมรากบัวและปวยเล้ง น้ำซุปร้อนๆ หอมกรุ่นจากสาหร่ายคอมบุและปลาแห้งญี่ปุ่นเสิร์ฟคู่เลมอนเพิ่มรสเปรี้ยวตามที่ต้องการ
สำหรับเมนูที่เป็น Set ทุกเมนู ลูกค้าสามารถเติมข้าวได้ตลอด และบริการชาเขียว (ร้อนหรือเย็น) ฟรีตลอดมื้ออาหาร
เมื่อเสร็จของคาวไปแล้ว ถ้าไม่ได้ของหวานล้างปากก็คงรู้สึกเหมือนมันไม่ครบ ดังนั้นของหวานที่จะชวนให้เลือกสั่งมาล้างปากวันนี้ ขอแนะนำพอหอมปาก หอมคอสัก 3 เมนูเนอะ วาราบิโมจิกับไอศครีม (เลือกได้ว่าเป็นไอศครีมชาเขียวหรือไอศครีมวนิลา 120 บาท) วาราบิโมจิ ขนมโบราณของชาวญี่ปุ่น ทำจากแป้งวาราบินุ่ม นิ่ม เหนียว ลื่น รสหวานนิดๆ กลิ่นหอม นำไปคลุกกับคินาโกะ ราดด้วยน้ำเชื่อมสีดำ เสิร์ฟคู่กับถั่วแดงบดและไอศครีม
ไอศครีมชาเขียวในน้ำเต้าหู้ (75 บาท) ไอศครีมในน้ำเต้าหู้เข้มข้น ประกอบไปด้วยถั่วแดงบด โมจิ และวุ้นชาเขียวเสิร์ฟคู่กับน้ำเชื่อมคุโรมิสึ รับประทานคู่กันจะได้รสชาติหวานกลมกล่อมลงตัวในแบบของโอโตยะแท้ๆ
และสุดท้าย พุดดิ้งไข่ (130 บาท) พุดดิ้งหวาน หอม นุ่มละมุน อุดมคุณค่าทางอาหารจากไข่ เมนูนี้บอกเลย่วาแนะนำสำหรับเด็กๆ น้าอ้วนว่าน่าจะชอบกัน
จุดเด่นที่ชอบสำหรับร้านโอโตยะนี่คือ น้าอ้วนว่าเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่ค่อนข้างคุ้มเลยทีเดียว สำหรับราคาอาหารก็เรียกได้ว่าพอๆ กันกับแบรนด์อื่นๆ ที่อยู่ในห้างหรือระดับเดียวกัน แต่ที่นี่เขาไม่ต้องให้ลูกค้าเสียเงินเพื่อเครื่องดื่มอย่างชาเขียว (ร้อนหรือเย็น) แต่ถ้าเป็นเครื่องดื่มอื่นนี่ก็ตามราคานะจ๊ะ และที่สำคัญเมื่อข้าวหมด ก็สามารถเติมข้าวสวยญี่ปุ่นได้ เรียกได้ว่าเอาให้อิ่มกันไปข้างหนึ่งเลยทีเดียว หากใครเคยได้ยินสโลแกนของโอโตยะที่บอกว่า อร่อยเหมือนฝีมือคุณแม่ทำให้ทาน อันนี้ก็ต้องคอนเฟิร์มเลยเพราะรสชาติรวมไปถึงวัตถุดิบที่เขาใช้มาทำอาหารล้วนแต่เป็นของดีดังนั้นเมื่อวัตถุดิบดี ฝีมือเชฟมาตรฐานอาหารก็เลยออกมาดี อร่อย ถึงรส ถึงชาติ ญี่ปุ่นแท้ๆ
หากใครหิว ลองแวะเวียนไปชิม 3 เมนูใหม่จากโอโตยะสิ เชียงใหม่เราก็ที่ Central Festival Chiang Mai ชั้น 5 (ชั้นเดียวกับโรงหนัง) เปิดทุกวันตั้งแต่ 11:00 น. ถึง 22:00 น. หรือติดตามข่าวสารอัพเดทโปรโมชั่น หรือเมนูใหม่ๆ จาก Ootoya ได้หลากหลายช่องทาง ได้แก่ Facebook Fanpage : https://www.facebook.com/
COMMENT