Posted On
ไม่ต้องไปไกลถึงเกาหลี บิงซู หวานเย็น หลากหลายรสชาติ มีให้ลองแล้วที่เชียงใหม่ Cheevit Cheeva
Bingsu หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า บิงซู ของหวานแนวใหม่จากเกาหลี รูปร่างหน้าตาก็คงไม่ต่างจากน้ำแข็งใสบ้านเราสักเท่าไร แต่ด้วยความนุ่มและเนียนของเนื้อเกล็ดน้ำแข็งตามสไตล์ของบิงซู มันจึงเป็นของหวานที่ทำให้หลายๆ คนหลงรัก ถึงแม้จะเป็นช่วงฤดูหนาวแบบนี้ แต่น้าอ้วนรู้สึกว่าอากาศมันไม่ได้หนาวเลย ๕๕๕๕ ถึงแม้จะเป็นช่วงตอนเย็น หรือตอนค่ำ ก็เหมาะแก่การกินบิงซูเป็นอย่างมาก ยิ่งตอนกลางวันนี่ไม่ต้องพูดถึง และน้าอ้วนก็แอบคิดถึงบิงซูอยู่เป็นประจำ และใครจะรู้ว่าร้านแรกที่เอาบิงซูเข้ามาในเชียงใหม่ จนเป็นที่ติดอกติดใจของคนเชียงใหม่อยู่จนทุกวันนี้ ก็คือร้าน “ชีวิต ชีวา” นั่นเอง
ชื่อร้าน : ชีวิต ชีวา (CHEEVIT CHEEVA)
ที่อยู่ : 6 ถนนศิริมังคลาจารย์ ซอย 7 ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด GPS : 18.795225, 98.971385
ติดต่อ : 087-7278880 , https://www.facebook.com/cheevitcheevachiangmai
เวลาเปิด-ปิด : 09:00 – 22:00 น. ทุกวัน
Wongnai Review : https://www.wongnai.com/restaurants/210072zj-cheevit-cheeva
ร้านชีวิต ชีวา ร้านของหวานชื่อแปลก ตั้งอยู่ในกลางเมือง ถ้าน้าอ้วนบอกทางนะ ทุกคนจะต้องร้องอ๋อแน่นอน ร้านนี้ตั้งอยู่ในถนนศิริมังคลาจารย์ ซอย 7 หรือที่หลายคนเรียกติดปากกันว่า “ซอยกรรไกรทอง” เพราะหน้าปากซอยจะมีป้ายของสถาบันสอนตัดเสื้อกรรไกรทองนั่นเอง และซอยนี้เองก็สามารถทะลุไปยังกาดสวนแก้วได้ด้วย เลี้ยวเข้าซอยไปนิดเดียว มองทางขวามือ จะเห็นร้านสปาขนาดใหญ่ (ชีวา สปา) ตั้งอยู่และ “ชีวิต ชีวา” ก็จะเป็นร้านที่อยู่ด้านหน้าสปานี่เอง ใครที่เอารถยนต์มา ไม่ต้องห่วงเลย เพราะในซอยนี้ที่จอดรถเยอะมาก สามารถจอดในซอยได้ง่ายกว่าย่านนิมมานเหมินท์ซะอีก
ถึงแม้ชีวิต ชีวาจะเป็นร้านเล็กๆ แต่ก็พร้อมให้บริการลูกค้าทุกคนอย่างเต็มที่ ด้านในร้านจะมีโต๊ะอยู่ 6 ตัว ซึ่งน้าอ้วนคิดว่ารองรับลูกค้าได้ประมาณ เกือบๆ 20 คนพอได้ (รวมถึงส่วนที่เป็นหน้าบาร์) และด้านนอกก็มีโต๊ะอยู่อีกหลายตัว ซึ่งสำหรับใครที่มาเป็นกลุ่ม และช่วงเช้าๆ หรือเย็นๆ โซนนี้น้าอ้วนว่าเป็นโซนที่ค่อนข้างโอเคเลย เพราะมันเป็นอะไรที่ Open Air และอากาศช่วงนี้ไม่ค่อยร้อนด้วย ทำให้เป็นช่วงเวลาที่น่าจะมีความสุขในการกินของหวานแบบนี้
เรื่องของเมนู ถึงแม้ที่นี่จะน้อย แต่ก็บอกเลยว่าแต่ละอย่างสุดยอดทั้งนั้น วันนี้น้าอ้วนขออนุญาตรีวิวเฉพาะเมนูพระเอกของที่นี่ ที่เรียกได้ว่าใครที่อยากมาชีวิต ชีวา จะต้องสั่ง “บิงซู” เป็นอย่างแรก และอาจจะตามด้วยเมนูของหวาน และเครื่องดื่มตัวอื่นๆ มาด้วยก็ได้ และวันนี้ขอคัดตัวเด่นๆ รวมไปถึงเมนูที่ร้านจะเปิดตัวเพื่อต้อนรับวันวาเลนไทน์ที่จะมาถึงนี้ แต่บอกไบ้ไว้ซะหน่อยว่า งานนี้เขาเอาใจคนโสดนะจ๊ะ ใครที่โสดเหมือนน้าอ้วนต้องห้ามพลาดเด็ดขาด
Strawberry Cheese Cake (169 บาท) เมนูที่เรียกว่าอาจจะเป็นตัวท๊อปของร้าน ที่หลายๆ คนมักจะสั่งตัวนี้อยู่เนืองๆ แต่ต้องบอกก่อนว่าจุดเด่นของบิงซูที่นี่คือเรื่องของเกล็ดน้ำแข็ง เพราะเกล็ดน้ำแข็งรสนม ที่ทางร้านกล้าพูดเลยว่าทำจากนมสด 100% ไม่มีการเจือปนของส่วนผสมอื่น เพื่อลดต้นทุนใดๆ ทางร้านอยากให้ลูกค้าได้กินเกล็ดน้ำแข็งนมสดแท้ๆ และนั่นจึงเป็นจุดเด่นที่ทำให้บิงซูของชีวิต ชีวา ถึงเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายๆ คน
อ่ะ เข้าเรื่องของ Strawberry Cheese Cake กันต่อ คอนเซ็ปของบิงซูที่นี่ นอกจากเกล็ดน้ำแข็งนมสดแท้แล้ว เขายังมีการซ่อนเอาวัตถุดิบต่างๆ ที่ต้องแบบว่าให้ค้นหาว่าข้างในชามจะเจออะไรบ้าง อย่าง Strawberry Cheese Cake ด้านในก็จะมีชีสเค้ก ชีสนุ่ม เค้กเนียน ซ่อนอยู่ข้างใน และด้านบนก็ท๊อปปิ้งด้วยสตรอเบอรี่ออแกนิคลูกใหญ่ หั่นมาวางแบบสวยงาม บอกเลยว่าสตรอเบอรี่ที่นี่หวานและฉ่ำมาก แทบจะไม่มีความเปรี้ยวเลย และซอสสตรอเบอรี่ที่ได้มาแล้วต้องราดทันที เพราะเชื่อว่าเมื่อใครเห็นแล้วจะต้องอยากกินทันทีแน่นอน
Choco Lava (169 บาท) ชามนี้เอาใจคนที่ชอบอะไรแนวช็อคโกแลต เกล็ดน้ำแข็งเนียนละเอียดนมสด ราดมาด้วยช็อคโกแลตลาวา ลักษณะเนื้อสัมผัสคล้ายมูส ด้านในก็จะแอบซ่อน Milo Biscuit ที่กรุบกรอบ ทั้งความหอมหวานของนมสด และความกรุบกรับของบิสกิต น้าอ้วนว่าใครที่ชอบของหวานแนวช็อคโกแลต จะต้องปลื้มแน่นอน
Mango Sticky Rice (169 บาท) บิงซูที่ผสานความเป็นไทย เอาข้าวเหนียวมะม่วง ของหวานยอดฮิตของคนไทยมาผสานรสชาติกันได้อย่างลงตัว บิงซูที่ท๊อปปิ้งด้วยเนื้อมะม่วงสีสันเหลืองเนียนหน้าตาฉ่ำมาก ยังไม่พอยังมีเนื้อมะม่วงแยกใส่จานเล็กๆ มาให้เป็นเครื่องเคียง พร้อมข้าวเหนียวมูนอีกหนึ่งถ้วย ก่อนกินอย่าลืมราดซอสมะม่วงที่เสิร์ฟมาให้ด้วยนะจ๊ะ งานนี้ทั้งหอม หวาน มัน ฉ่ำ เหนียวหนึบของข้าวเหนียวมูน บอกเลยว่าเป็นเมนูที่น้าอ้วนขอยกนิ้วให้
Melon Mascarpone (199 บาท) เมล่อน มาสคาโปเน่ เมนูนี้ขอแอบราคาสูงนิดหนึ่ง แต่น้าอ้วนก็อนุญาต (แหม่ะ แลดูเป็นเจ้าของร้านเนอะ ๕๕๕๕) เพราะวัตถุดิบหลักและเด่นของเมนูนี้ก็คือเมล่อน ซึ่งเมล่อนที่ทางร้านใช้เป็นสายพันธุ์มาจากฮอกไกโด (แหม่ะ แลดูอินเตอร์ ญี่ปู๊นนนน ญี่ปุ่น) เนื้อนุ่ม ฉ่ำ และหวาน ซึ่งจะเป็นเมล่อนที่หวานอยู่ระดับสิบกว่าๆ บริกซ์ ชีสมาสคาโปเน่ จะมี Texture คล้ายๆ มูสราดอยู่บนบิงซู (นำเข้าจาเกาหลีนะจ๊ะ) พร้อมโรยด้วยกาโนล่า (ธัญพืชอบกรอบ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง) และด้านในก็ยังมีพุดดิ่งมะพร้าวอ่อน บอกเลยว่าแค่ชามเดียวแต่อัดแน่นด้วยวัตถุดิบขนาดนี้น้าอ้วนถึงบอกไงว่า 199 บาทนี่ยอมจ่าย // ปอลอ ตอนเสิร์ฟเขาจะใส่น้ำแข็งแห้งเพื่อเพิ่มความอลังการของพรีเซนเตชั่นด้วยนะจ๊ะ และที่สำคัญ Aroma Oil ที่เขาหยดมาในน้ำแข็งแห้งเป็นกลิ่นเมล่อนด้วย ดังนั้นบอกเลยว่าทั้งรสชาติ และกลิ่นนี่เข้าถึงความเป็นเมล่อนอย่างแท้จริง
มาถึงเมนูสุดท้ายที่อยากแนะนำ เพราะเมนูนี้เขาทำมาเฉพาะเพื่อต้อนรับวันวาเลนไทน์ที่จะมาถึง วาเลนไทน์เป็นวันแห่งความรัก หลายคนที่มีคู่ก็คง Happy กันดี แล้วคนที่ไม่มีคู่แบบน้าอ้วนหละ? ทำไงอ่ะ? ร้านนี้เขาเล็งเห็นถึงความรู้สึกของคนที่ไม่มีคู่ จึงออกเมนูพิเศษเฉพาะกิจเพื่อต้อนรับวันวาเลนไทน์นี้โดยเฉพาะ โดยจะจำหน่ายเฉพาะวันที่ 13-14 และ 15 กุมภาพันธ์ 2559 นี้เท่านั้น
Black Valentine (199 บาท) วาเลนไทน์สีดำ (ความรักสีดำ ๕๕๕๕) บิงซูนมสดเกล็ดหิมะเนื้อเนียนละเอียด โรยด้วย Chocolate Charcoal ที่ไม่ขมมาก ท๊อปปิ้งด้วยสตรอเบอรี่สีแดงสด ลูกใหญ่ หวานฉ่ำ ด้านในแอบซ่อนด้วย Brownie + Oreo Crumb และ Dark Chocolate เพื่อให้เข้าคอนเซ็ปของ Black Valentine เสิร์ฟพร้อมซอสสตรอเบอรี่หวานฉ่ำ รวมไปถึงเนื้อสตรอเบอรี่ที่บอกว่ามันเป็นอะไรที่สุดยอดมาก และที่สำคัญคนมีคู่ย่อมไม่มีใครให้ดอกกุหลาบใช่ไหม? นี่เลยทางร้านขอเป็นตัวแทนในการมอบความรักให้ลูกค้าทุกคนในครั้งนี้ ด้วยดอกกุหลาบดอกโตๆ สีแดงสดสวยงาม เพื่อให้เป็นของขวัญวันวาเลนไทน์ปีนี้จ้า
ปิดท้ายเครื่องดื่มสักตัว ที่เรียกว่าเป็น Signature ของที่นี่ Cheeva Paradise (79 บาท) เครื่องดื่มที่ส่วนผสมหลักเป็นชา Earl Grey Tea ผสมกับ Lemon และเพิ่มอโรม่าและกลิ่นด้วยใบมะกรูด จึงได้เป็นเครื่องดื่มที่รู้สึกสดชื่น เปรี้ยว และได้กลิ่นของชา Earl Grey ไปในตัว
บิงซูที่ ชีวิต ชีวา เรียกได้ว่าเป็นร้านที่เอาขนมหวานที่เป็นเกล็ดหิมะสไตล์เกาหลีเข้ามาในเชียงใหม่เป็นที่แรก น้าอ้วนเห็นเพื่อนหลายๆ คนเช็คอิน และถ่ายรูปของ Social Media ไม่ว่าจะเป็น Facebook หรือ Instagram ที่ร้านนี้เยอะมาก และในที่สุดน้าอ้วนก็ได้มีโอกาสมาลองด้วยตัวเองเสียที ต้องยอมรับว่าที่นี่ความอร่อยและความเด็ดขาดน่าจะเป็นอันดับต้นๆ ของเชียงใหม่เลยก็ว่าได้ ด้วยวัตถุดิบหลายๆ อย่างที่คัดสรรมาอย่างดี (โดยเฉพาะสตรอเบอรี่ ๕๕๕ อันนี้ฟินมาก) รวมไปถึงทักษะในการปั้นบิงซูให้พอดีซึ่งมันต้องใช้การฝึกฝนจนคล่องแคล่ว เพื่อให้ได้บิงซูที่ไม่แน่นเกินไป และไม่หลวมเกินไป ตรงนี้แหละคือเคล็ดลับความอร่อยของ บิงซูนั่นเอง
RELATED POSTS
-
ฟินฟิน บุฟเฟ่ต์ปิ้งย่าง ด้วยเนื้อคุณภาพได้ไม่อั้น-Shinchoku Buffet
-
พิซซ่าเลิศรส เครื่องหนัก จัดเต็ม ที่นี่ที่เดียว ร้าน The CHEF by Rimtara
-
อิ่มหนัก จัดเต็ม บุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นเกรดพรีเมียม แต่จ่ายสบายๆ แค่ 899 เท่านั้นที่ Sakanaya Chiang Mai
-
Coffee Band ร้านกาแฟแห่งเสียงเพลง ประตูท่าแพ เชียงใหม่
-
เข้าถ้ำเสือ กินเนื้อดี ๆ กับความหลากหลายของเนื้ออย่างดีในสไตล์เกาหลีและญี่ปุ่นที่ Tiger Den
-
แวะพักทานข้าว ดื่มชา ชิมขนม ชื่นชมความสวยงามของร้านอาหารสไตล์ Modern Industrial กลางเมือง
-
ร้านอร่อย นิมมาน โจ๊กรสเด็ด กระเพาะปลาแท้รสชาติดี
COMMENT