ออกมาไกลนิด แต่ติดใจแน่นอน ร้านอาหารห้อมล้อมด้วยธรรมชาติ ทุ่งข้าว ทุ่งดอกทานตะวันที่ ภูไพรพรรณ แม่วาง
อำเภอแม่วาง อาจจะเรียกได้ว่าเป็นอำเภอที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก แต่อำเภอนี้เป็นทางผ่านสำหรับการไปเที่ยวดอยอินทนนท์ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเชียงใหม่ แต่น้าอ้วนก็สงสัยว่าไม่ค่อยมีร้านอาหารดี ๆ ให้แวะพักรถหรือแวะกินข้าวก่อนที่จะไปถึงจุดหมายปลายทางเลย น้าอ้วนก็คิดว่ามีหลายคนก็คงคิดอย่างเดียวกับน้าอ้วน และเมื่อมีโอกาสร้าน ภูไพรพรรณ จึงได้เปิดตัว ถือเป็นจุดหมายสำคัญของใครที่ได้ผ่านมาทางแม่วางเลยทีเดียว
ภูไพรพรรณ เกิดจากความคิดที่ว่าทำไมอำเภอแม่วางแห่งนี้ ถึงไม่มีร้านอาหารดี ๆ วิวสวย ๆ ไว้คอยต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองบ้างนะ เพราะบางครั้งเวลาเจ้าของร้านมีอาคันตุกะมาเยี่ยมเยือน ก็ต้องพาเข้าเมืองเพื่อไปรับรอง และเมื่อตัวเองมีที่ดินส่วนตัว อีกทั้งวิวต่าง ๆ ยังสวยงามไม่น้อยหน้าใคร ก็เลยตัดสินใจสร้างร้านอาหารแห่งนี้ขึ้นมา
ภู = ภูเขา, ไพร = ป่าเขาลำเนาไพร และ พรรณ = ชื่อของเจ้าของร้าน ดังนั้นจึงกลายเป็น ภูไพรพรรณ แห่งนี้ ด้วยความชอบในเรื่องของต้นไม้ ดอกไม้ ทำให้สถานที่แห่งนี้จึงเต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาพรรณ อีกทั้งยังมีทุ่งข้าว และทุ่งดอกทานตะวันที่มีขัวแตะไว้ให้ลูกค้าทุกคนสามารถลงไปชม พร้อมกับถ่ายรูปสวย ๆ ได้ตลอดเวลา
สำหรับการมาร้านนั้นก็ไม่ยากสามารถมาได้ 2 เส้นทางก็คือ สำหรับใครที่ใช้เส้นทางในเมืองก็ให้ขับรถมาทางไปดอยอินทนนท์ ผ่านอำเภอหางดง ผ่านอำเภอสันป่าตอง เพื่อเข้าสู่แม่วาง พอถึงสี่แยกแม่วางก็ให้เลี้ยวขวา และขับมาอีกประมาณ 500 เมตร ก็จะเจอร้านอยู่ด้านซ้ายมือ แต่ถ้าใครอยากขับรถวิ่งทางตรงโดยที่ไม่อยากติดไฟแดง ก็สามารถใช้เส้นทางถนนเลี่ยงเมืองสันป่าตอง-หางดง (มาทางคันคลองชลประทาน) ขับมาเรื่อย ๆ จนถึงแยกแม่วาง (แต่ไม่ต้องลอดอุโมงค์) ให้ชิดซ้ายเพื่อกลับรถ เมื่อกลับรถแล้วขับมาอีก 500 เมตร ก็จะเจอร้านอยู่ด้านซ้ายมือ
พูดถึงเรื่องอาหาร บอกเลยร้านนี้น้าอ้วนไม่มีความกังขาเรื่องรสชาติ เพราะเมื่อรู้ว่า เชฟเอก “กิตติ ช้างเปี่ยม” มาเป็นหัวหน้าเชฟที่ดูแลร้านแห่งนี้ ก็ทำให้มั่นใจได้ เพราะรู้จักกับเชฟมานาน และได้ลองกินอาหารฝีมือเชฟมาไม่รู้กี่เมนูแล้ว และทุกจานนั้นบอกเลยว่าอร่อย
พิซซ่าภูไพรพรรณสเปเชียล (325 บาท) เอาใจคนชอบกินพิซซ่า กับเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน พิซซ่าแป้งบางกรอบสไตล์อิตาเลียนที่ท็อปปิ้งด้วยไส้กรอกอิตาเลียน มะกอกดำ เห็ดแชมปิญอง แองโชวี และตามสไตล์ของเชฟเอกคือเป็นเชฟมือหนัก ไม่ก็วายที่จะใส่มอสซาเรลลาชีสลงไปแบบสะใจกันเลยทีเดียว จึงได้เป็นพิซซ่าถาดนี้ที่น่าจะถูกใจใครที่ชอบพิซซ่าแบบหนักเครื่อง
สลัดปูนิ่มทอดกรอบน้ำสลัดบัลซามิก (295 บาท) ปูนิ่มตัวเล็ก ๆ เชฟไม่เอา เชฟใช้แต่ตัวใหญ่ ๆ เอาไปชุบแป้งแล้วทอดให้กรอบ เสิร์ฟพร้อมกับผักสลัดที่ปลูกเอง รับประกันว่าปลอดสารเคมีแน่นอน ราดน้ำสลัด Honey Dill Mustard Sauce สีออกเหลือง ๆ ที่อาจจะกินไปแล้วได้กลิ่นและความสดชื่นของผักชีลาวเข้ามาด้วย และเสริมด้วยความเปรี้ยวจากน้ำสลัด Italian Balsamic อีกด้วย
บาร์บีคิวซี่โครงหมูอบ (450 บาท) แนะนำว่าควรจะมากันเยอะๆ ถ้ามาคนเดียวจานนี้ไม่อยากแนะนำเพราะเสิร์ฟมาแบบเต็ม ๆ จาน ซี่โครงแบบชิ้นใหญ่สะใจ ที่นี่จะเสิร์ฟแบบเนื้อติดซี่โครงซึ่งจะเป็นเนื้อที่มีความนุ่มเป็นพิเศษ เอาไปย่างให้สุกแล้วทาด้วยซอสบาร์บีคิวสูตรเด็ดที่รสชาติเปรี้ยว และหวานตัดกันกำลังดี ซี่โครงเปื่อยร่อน เวลาเอามีหั่นแล้วเนื้อแทบจะหลุดออกจากระดูกโดยที่ไม่ต้องออกแรงเลย
ปลาช่อนทอดน้ำปลา (295 บาท) ปลาช่อนที่เสิร์ฟทั้งตัว แล่และบั้งให้เป็นชิ้นเดียว โดยที่ลูกค้าไม่ต้องพลิกไปมาให้เสียเวลา ชุบแป้งบาง ๆ แล้วเอาไปทอดทั้งตัวจนกรอบ สำหรับส่วนไหนที่เนื้อเยอะด้านนอกก็จะกรอบนอกและนุ่มใน ส่วนด้านไหนที่บางหน่อยก็จะกรอบอร่อย เสิร์ฟพร้อมกับซอสน้ำปลารสชาติเปรี้ยวอมหวาน โดยเชฟจะไม่ราดซอสบนตัวปลาในทันที ถ้าอยากกินให้อร่อยก็ตักปลาแล้ว อย่าลืมตักซอสราดด้วยนะจ๊ะ
มาดูในส่วนของหวานกันบ้าง เมนูสุดฮิตที่หลายคนมาแล้วต้องสั่งก็คือ พานาคอตต้า (125 บาท) พานาคอนต้าเนื้อแน่น แฝงด้วยความหวานอ่อน ๆ ด้วยมะพร้าวอ่อน ตัดความเปรี้ยวอมหวานด้วยซอสราสป์เบอร์รี และผลไม้สด เชื่อว่าของหวานจานนี้ต้องถูกใจสายหวานแน่นอน
และของหวานอีกตัวหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นคู่เคียงเรียงกันมาอย่าง ทีรามิสุ (125 บาท) แป้งลิตเติลฟิงเกอร์ที่ฉ่ำด้วยซอสกาแฟ และมัสคาโปนชีสที่แทรกอยู่ระหว่างชั้น ด้านบนโรยด้วยผงโกโก้ที่รสชาติหวานและขมนิด ๆ เสิร์ฟพร้อมผลไม้สด ของหวานรสชาติเข้มข้นที่เป็นเมนูสุดฮิตของใครหลายคน
กินข้าว กินขนมอิ่มแล้ว หาน้ำกินเพื่อดับกระหาย เครื่องดื่มสดชื่น ๆ อย่าง Fruit Punch (85 บาท) และ Apple Mint (65 บาท) รสชาติ หวานอมเปรี้ยว เย็นชื่นใจ พร้อมเนื้อผลไม้สดที่ใส่ลงไปในแก้วด้วย ทั้งสองเมนูนี้รับประกันสดชื่นคลายร้อนได้เป็นอย่างดี
ไม่ใช่แค่เพียงว่ามีที่ดินแล้วอยากสร้างร้านอาหาร จึงกลายเป็นภูไพรพรรณนี้ขึ้นมา แต่ด้วยความที่เจ้าของร้านอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเหลือเกษตรกรที่ทำการเกษตรปลูกหัวหอมใหญ่ในบริเวณใกล้เคียง ในการซื้อผลผลิตมาทำเป็นซุปหัวหอมที่ต้องบอกว่ารสชาติไม่แพ้กับร้านใหญ่ ๆ รวมไปถึงการสร้างอาชีพให้แก่ชาวบ้านละแวกนี้ ทั้งเด็กวัยรุ่นที่มาทำงานเป็นพนักงานในร้านทั้งในส่วนครัว และส่วนต้อนรับ หรือชาวบ้านที่มีฝีมือเรื่องของการทำสวนก็มาดูแลสวน หรือปลูกข้าว ปลูกดอกไม้ที่ร้านแห่งนี้ ถือว่านอกจากเป็นร้านที่สวยแล้ว ยังรู้จักการอยู่ร่วมกับสังคมได้เป็นอย่างดี
ร้าน : ภูไพรพรรณ
ที่อยู่ : 27 หมู่ที่ 3 บ้านสันโป่ง ตำบลดอนเปา อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด GPS : 18.616352, 98.836184
ติดต่อ : 098-7914938 , 061-3699994 , https://www.facebook.com/ภูไพรพรรณ-2180792148861472
เวลาเปิด-ปิด : 09.00 น. – 21.30 น. ทุกวัน
Wongnai Review : https://www.wongnai.com/restaurants/369897ma-ภูไพรพรรณ
COMMENT