Posted On
อยากกินอาหารอิตาเลียนแท้ ก็ต้องกินกับฝีมือเชฟจากอิตาลี กลิ่นอายของเมดิเตอร์เรเนียนเต็มเปี่ยมที่ ร้านอาหาร ฟาโวล่า
ถ้าอยากกินอาหารอิตาเลียนอร่อย ๆ น้าอ้วนว่าเราควรไปกินกับเชฟที่มาจากอิตาลีโดยเฉพาะดีมั้ย เพราะคงไม่มีใครที่จะทำอาหารพื้นบ้านของตนเองได้ดีเท่าคนที่นั่น อย่างที่รู้กันว่าอาหารแต่เชื้อชาตินั้น ก็จะแยกย่อยออกไปเป็นตามภูมิภาคอีก และสำหรับใครที่อยากกินอาหารอิตาเลียนในแบบของเมดิเตอร์เรเนียนแล้วหละก็บอกเลยว่าวันนี้แหละน้าอ้วนจะพามารู้จักกับเมนูใหม่ ที่ใครโหยหาซีฟู้ดหละก็ จะต้องตาลุกวาวแน่นอน กับร้านอาหาร ฟาโวล่า เชียงใหม่
หลากหลายเมนูอาหารที่เชฟ เอ็นริโก ปันตอร์โน Chef de Cuisine ของร้านอาหารฟาโวล่า ที่ตั้งใจรังสรรค์ทุกจานให้มีกลิ่นอายของความเป็นอิตาเลียนแท้ ๆ เพราะเชฟเป็นชาวอิตาเลียนโดยกำเนิด พร้อมทั้งบางเมนูก็ได้บรรจงเอาอาหารทะเลต่าง ๆ มาปรุงเป็นเมนูสุดพิเศษ เพื่อให้ได้ความเป็นเมดิเตอร์เรเนียนที่สุด เพราะบ้านเกิดของเชฟเอ็นริโก อยู่ที่เกาะซิซิลี ซึ่งเป็นเมืองที่ติดชายทะเล ขึ้นชื่อเรื่องของอาหารทะเล ชีส น้ำมันมะกอก ถั่วพิตาชิโอ เครื่องเทศ ฯลฯ
ต้องบอกก่อนว่าวัตถุดิบหลักทั้งหมดก็ล้วนแต่เป็นสินค้าจากท้องถิ่น ซึ่งรับมาจาก Supplier ที่เชื่อใจและไว้ใจในคุณภาพได้ ส่วนเครื่องปรุงต่าง ๆ เชฟใช้แต่ของที่นำเข้าจากอิตาลีเท่านั้น เพื่อให้ได้ กลิ่นและรสต่าง ๆ เหมือนมาจากต้นตำรับอย่างแท้จริง
เรามาดูกันซิว่า เมนูอาหารอิตาเลียนที่น้าอ้วนจะเอามาแนะนำในวันนี้ มีอะไรกันบ้าง เริ่มจากเมนูเรียกน้ำย่อยอย่าง สลัดซีฟู้ดแบบอุ่น Warm Seafood Salad (Insalata ai frutti di mare, 290 บาท) พูดถึงสลัดหลายคนก็คงนึกถึงผัก แต่เมนูนี้ซีฟู้ดเน้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นหอยแมลงภู่, หอยกาบ, กุ้ง, หมึก พร้อมผักเซเลอรีและแครอท เสิร์ฟในโหลแก้ว เวลาที่เสิร์ฟเชฟจะเอามาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะ พร้อมทั้งตกแต่งให้สวยงาม ก่อนเสิร์ฟให้ลูกค้าทุกท่านได้ชิม ส่วนรสชาตินั้นเมื่อตอนที่เรากินแบบอุ่น ๆ จะได้รู้สึกถึงรสชาติความกลมกล่อมและความสดใหม่ของอาหารทะเลที่เต็มเปี่ยม
เส้นริกาโตนีผัดซอสมะเขือเทศกับมะเขือม่วงทอดโรยด้วยริคอตต้าชีส Rigatoni with Eggplants (Rigatoni Alla Norma, 260 บาท) พาสต้าที่หลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นหน้า รูปร่างจะเป็นหลอดใหญ่ ๆ ซึ่งเชฟจะลวกมาแบบอัลเดนเต้ มีความกรึบ ๆ หนึบ ๆ อยู่ข้างในเส้น ซึ่งจะไม่ได้สุก 100% ในแบบสไตล์ไทย ๆ พร้อมทั้งซอสมะเขือเทศที่ผัดมาจนฉ่ำและมะเขือม่วงที่หั่นเป็นลูกเต๋าเอาไปทอดแต่ไม่สุกจนเกินไป คลุกเคล้ามาด้วย ถือเป็นอาหารสไตล์ซิซิเลียนอย่างแท้จริง
มากินอาหารอิตาเลียนแล้วไม่ได้กินพิซซ่า ก็คงเหมือนมาไม่ถึง วันนี้น้าอ้วนขอแนะนำเมนูพิซซ่าที่สำหรับคนรักชีสจะต้องร้องกรี๊ด พิซซ่าหน้าซอสมะเขือเทศ กระเทียมโทนและออริกาโน่ เพิ่มชีสบูราต้าสด Marianara Pizza (S 140 บาท, L 190 บาท + ชีสบูราต้าสด 280 บาท) พิซซ่าหน้าซอสมะเขือเทศง่าย ๆ แต่ความฟินมันอยู่ตรงแป้งพิซซ่าที่บาง อบจนขอบด้านนอกกรอบอร่อย ทาด้วยซอสมะเขือเทศ กระเทียมและออริกาโน ไฮไลท์ชีสบูราต้าสด ที่ต้องเอามีดหั่นแล้วจะเห็นชีสด้านในไหลออกมาอย่างลาวา ตรงนั้นแหละคือความฟิน
เรามาดูในส่วนของ Main Course กันบ้าง บอกเลยว่าหลังจากที่น้าอ้วนได้ชิมแล้ว ขอเทใจให้เมนูจานนี้อย่างสุดซึ้ง สเต๊กเนื้อปลากะพงตุ๋นในน้ำซอส เสิร์ฟพร้อมหอยแมลงภู่และหอยกาบและขนมปังสไตล์อิตาเลียน Braised Seabass with Seafood Broth (Branzino All’Aacqua Pazza, 520 บาท) เรียกได้ว่าจัดเต็มด้วยความเป็นเมดิเตอร์เรเนียน ด้วยอาหารทะเลเน้น ๆ อย่างเนื้อปลากะพงชิ้นใหญ่ ๆ ที่เอาไปตุ๋นกับน้ำซอสจนซึมเข้าเนื้อ เนื้อแน่นและได้รสชาติ พร้อมทั้งหอยแมลงภู่และหอยกาบ ที่ได้รสชาติของน้ำซอสในตัวเช่นกัน ส่วนด้านล่างจะมีขนมปังอิตาเลียนรองไว้ข้างล่างและตัวขนมปังจะดูดซับน้ำซอสต่าง ๆ ไว้ในตัวมันเอง จึงทำให้เป็นขนมปังที่ฉ่ำและอร่อยสุด ๆ
ปิดท้ายความอร่อยด้วยของหวานหน้าตาดีอย่าง มิลเฟยไส้ครีมวนิลลา ถั่วพิตาชิโอและผลไม้อบแห้ง Millefeuille Vanilla Cream (Millefeuille Alla Creama, 190 บาท) แคร๊กเกอร์ที่เรียงเป็นชั้น ๆ โดยการคั่นกลางด้วยครีมวนิลลาที่สีครีมสวย ด้านบนโรยด้วยน้ำตาลไอซิ่งพร้อมถั่วพิตาชิโอป่น และผลไม้อบแห้ง ซึ่งวันนี้เชฟเลือกใช้เป็นสตรอวเบอร์รี สิ่งที่ท้าทายที่สุดคือการตัดมิลเฟยระหว่างกลาง ถ้าขนมไม่ดีจริง ก็คงไม่ได้ออกมาตามรูปที่เห็น สรุปเมนูนี้สวยทั้งรูป และอร่อยทั้งรสชาติ
สรุปว่าปิดท้ายมือค่ำสไตล์อิตาเลียนแบบนี้ได้อย่างลงตัว ด้วยฝีมือของเชฟชาวอิตาเลียนผู้มากประสบการณ์ ผ่านงานมาแล้วหลากหลายที่ รวมไปถึงโรงแรมใหญ่ ๆ มาแล้วมากมาย นอกจากฝีมือของเชฟแล้ว เรื่องของวัตถุดิบต่าง ๆ ที่ได้มาตรฐาน สด ใหม่ จากแหล่งผลิตที่น่าเชื่อถือก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งเมื่อเอารวมกันแล้ว ก็จะได้เป็นอาหารที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ (Perfect Combination) สำหรับใครที่อยากลองกินอาหารอิตาเลียนที่มีกลิ่นอายของความเป็นเมดิเตอร์เรเนียนแบบนี้แล้ว สามารถแวะเวียนไปได้ที่ร้านอาหาร ฟาโวล่า บริเวณชั้น 2 โรงแรม เลอ เมอร์ริเดียน ได้นะจ๊ะ ถึงแม้จะเป็นร้านอาหารที่อยู่ในโรงแรม ก็ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวให้เนี๊ยบ แต่งตัวแบบสบาย ๆ ชิลล์ ๆ เสื้อยืด กางเกงยีน รองเท้าผ้าใบ แบบนี้ก็โอเคแล้ว และที่สำคัญราคาอย่างที่เห็นคือสุทธิแล้ว ไม่จำเป็นต้อง ++ อะไรเพิ่มเติม
ร้านอาหารฟาโวล่า เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 17.00 น. ถึง 23.00 น. สำรองจองโต๊ะกันได้ที่ 053-253229 หรือจองออนไลน์ได้เลยที่ www.facebook.com/favolachiangmai ก็ได้
ชื่อร้าน : FAVOLA – Le Meridien Chiang Mai
ที่อยู่ : 108 ถนนช้างคลาน ตำบลช้างคลาน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด GPS : 18.784244, 98.999709
ติดต่อ : 053 253229 , www.facebook.com/favolachiangmai
เวลาเปิด–ปิด : 17:00 น. ถึง 23:00 น. ทุกวัน
Wongnai Review : http://www.wongnai.com/restaurants/98384lb-favola-le-meridien-เชียงใหม่
RELATED POSTS
-
จิบไวน์บรรยากาศเก๋ๆ บนชั้นดาดฟ้ากับ S Wine Bar & Bistro
-
China On Tour : กระดูกหมูอู๋ซี เมนูเด็ดจากเมืองอู๋ซี
-
แวะมาชิล จะมาหาอะไรกินหรือนั่งทำงานก็พร้อมให้บริการ อาหารเครื่องดื่มกลิ่นอายความเป็นเกาหลีที่ บ้านนม มินิมอล คาเฟ่
-
บ้านตะวันฉาย ร้านอาหารและร้านกาแฟที่ได้หลายบรรยากาศ
-
สัมผัสกับอีกหนึ่งฟีลลิ่งกับบรรยากาศช่วงเย็น ลิ้มรสอาหารหลากหลายภาค ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติกลางเมืองที่ ORB Cafe & Meal
-
คาเฟ่สุดมุ้งมิ้ง หลากหลายเมนูทั้งหวานและคาว ใครหิวตอนเช้าแวะมาฝากท้องได้ที่ Chalee Cafe หางดง
-
สุขสันต์กับเมื้อเที่ยงวันอาทิตย์ บุฟเฟต์อิ่มไม่อั้น Lobster และอาหารทะเลแบบเต็มอิ่ม ในราคาไม่ถึงพันที่ FAVOLA, Le Meridien
COMMENT