Original Thai Cuisine อาหารไทย รสชาติดั้งเดิม เข้มข้น ตามแบบฉบับของร้านพฤกษา @เชียงใหม่

ที่จริงแล้วสำหรับตัวน้าอ้วนเอง ต้องบอกเลยว่าเป็นคนที่ชอบทานอาหารไทย เพราะส่วนตัวแล้วน้าอ้วนว่าอาหารไทยนี่แหละเป็นอาหารที่อร่อย และมีประโยชน์ที่สุดแล้ว เพราะเครื่องปรุง หรือส่วนผสมต่างๆ ของอาหารไทยล้วนแต่มีประโยชน์ทั้งสิ้น แล้วยิ่งถ้าเป็นอาหารไทยแบบชาววัง หรือรสชาติแบบไทยเข้มข้นแล้ว บอกเลยว่าตอนนี้ที่เชียงใหม่อาจจะหาได้ยาก และมีเพียงไม่กี่ร้าน เพราะตอนนี้เขาหันไปนิยมแบบฟิวชั่นกันเสียส่วนใหญ่ แต่ที่ร้านอาหารไทยพฤกษา @เชียงใหม่ เป็นร้านอาหารไทยแห่งล่าสุดของเชียงใหม่ ที่เขาได้ขยายสาขาจากร้านครัวพฤกษาที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นร้านอาหารที่ให้บริการมากว่า 17 ปีแล้ว การที่เปิดกิจการมาเกือบ 20 ปีแบบนี้น้าอ้วนว่าร้านนี้ต้องไม่ธรรมดา เพราะถ้าไม่มีอะไรที่ทำให้ลูกค้าติดใจได้ คงไม่อยู่ยงคงกระพันขนาดนี้หรอก ดังนั้นเรามาร่วมพิสูจน์กันว่า อาหารไทย ที่ร้านพฤกษา @เชียงใหม่ เขาจะมีดีอะไรบ้าง

ชื่อร้าน : พฤกษา @เชียงใหม่
ที่อยู่ : สมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ ภาคเหนือ ถนนบุญเรืองฤทธิ์ ตำบลหายยา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด GPS : 18.786027,98.977508 (แผนที่จาก Google Maps)
ติดต่อ : 053-270622 , 095-4910083 , https://www.facebook.com/pages/Pruksa-at-Chiangmai/1499374923680328
เวลาเปิด–ปิด : 11:00 – 22:00 น. ทุกวัน
Wongnai Review : http://www.wongnai.com/restaurants/183427CY-พฤกษา-เชียงใหม่

อีกหนึ่งสาขาที่มาจากเจ้าแรกและเจ้าเดิมที่กรุงเทพมหานคร ร้านอาหารพฤกษา @เชียงใหม่ ตั้งอยู่บริเวณด้านในของสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ ภาคเหนือ ถ้าใครยังไม่รู้จักก็ง่ายนิดเดียวคือเขาจะอยู่ถัดจากโรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ ถนนบุญเรืองฤทธิ์นั่นเอง เมื่อเลี้ยวเข้าไปแล้ว ที่จอดรถกว้างขวางมาก เห็นว่ามีที่จอดรถมากกว่า 60 คัน ตอนแรกที่น้าอ้วนไปช่วงประมาณ 6 โมงเย็น ตอนนั้นลานจอดรถโล่งมาก เพราะลูกค้าอาจจะยังไม่มากัน แต่พอรีวิวเสร็จ กลับออกมาอีกทีตอน 2 ทุ่ม ปรากฎว่ารถจอดกันเต็มลานจอดรถไปหมด แสดงว่าร้านนี้เขาลูกค้าแน่นตลอด

บรรยากาศที่นี่ก็เรียกว่ามีอยู่กัน 3 สไตล์ด้วยกันก็คือ บริเวณด้านล่างที่จะเป็นโซนเปิดโล่ง ออกแนวบรรยากาศ Garden เหมาะสำหรับชิลๆ เรื่อยๆ หรือใครที่อยากจะอยู่ด้านบนนิดๆ เขาก็มีโซน Terrace ไว้ต้อนรับ และใครที่เป็นคนขี้ร้อน อยากได้ความเย็นสบายระหว่างทานข้าว ก็เชิญโซนด้านในซึ่งจะมีห้องแอร์ เย็นฉ่ำ เก้าอี้ใหญ่สบายรับรองกันได้อย่างสบายอุรา

ดูจากเมนูอาหารแล้ว ที่นี่เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่เรียกความหิวของลูกค้าได้เป็นอย่างดี เมนูอาหารจะมีรูปอาหารที่เรียกว่าชวนยั่วน้ำลายสุดๆ แต่ถ้ามาดูราคาอาหารแล้วก็ต้องบอกว่าราคาอยู่ในระดับกลางและค่อนข้างไปทางสูง แต่ถ้าใครที่ได้สั่งมาแล้วจะรู้ว่ามันคุ้มค่า เพราะอาหารที่นี่เขาเสิร์ฟกันแบบจานใหญ่ ชามใหญ่ เอาแบบว่าถ้ามากัน 2 คน สั่งแค่ประมาณ 2-3 อย่างก็พอแล้ว ถ้าสั่งเยอะกว่านั้นรับรองเหลือต้องห่อกลับบ้านแน่ๆ

สำหรับเมนูที่น้าอ้วนจะมาแนะนำให้รู้จักกันในวันนี้ ขอแนะนำกันแบบชิลๆ ประมาณสัก 5  เมนูก็แล้วกันนะจ๊ะ แต่ก็เป็นเมนูที่เรียกว่าเป็นเมนูยอดฮิต ที่ลูกค้าหลายๆ ท่านที่มาทานที่นี่คือต้องสั่ง หรือสั่งกันบ่อยๆ ก็เริ่มจากเมนูเรียกน้ำย่อยที่บอกเลยว่าติดกับอันดับ Top 5 ของที่นี่อย่าง เมี่ยงส้มโอ ซึ่งเป็นเมนูที่เคยได้ถวายองค์สมเด็จพระเทพฯ ครั้นตอนที่พระองค์ท่านทรงเสด็จมาเปิดงานที่สมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ คือ ณ จุดนี้ถ้าจะเรียกว่าเป็นเมนูพื้นๆ ก็คงมิได้ถวายให้พระองค์ท่านทรงเสวยเป็นแน่แท้ เมี่ยงส้มโอ เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยที่พูดเลยว่าเป็นอะไรที่วางช้อนไม่ลงจริงๆ จะเป็นเมนูที่มีสมุนไพรต่างๆ เยอะมาก คลุกเคล้ากันมาในชามใบใหญ่ เสิร์ฟพร้อมกับใบชะพลูที่เวลาทานจะต้องตักเมี่ยงวางบนใบชะพลูแล้วห่อให้เป็นคำ หรือใครอยากจะเพิ่มความอร่อยด้วยเครื่องเคียง เขาก็มีทั้งถั่ว มะนาว ขิง พริกขี้หนู และหอมแดง มาให้ด้วย รสชาติจะออกแนวว่าเปรี้ยว หวาน เค็มนิดๆ ฉ่ำๆ เพราะมะพร้าวคั่วจะดูดน้ำยำต่างๆ ไว้ในเนื้อของมันเอง เวลาที่เราตักเข้าปาก แล้วดูดน้ำออกมามันจะให้ความรู้สึก เปรี้ยว หวาน เค็ม มันคลุกเคล้าอยู่ในปาก และยิ่งถ้าได้ตักเนื้อส้มโอเข้ามาด้วย จะรู้สึกว่าความหวานและฉ่ำของส้มโอจะผสมผสานกันได้เป็นอย่างดี

ลาบขาหมูสมุนไพร เนื้อส่วนขาหมูที่สับแบบหยาบๆ เอามาสับกับเปลือกของต้นเพกาให้เข้ากัน แล้วเอามาผัดกับเครื่องแกงแบบทางเหนือ จนได้เนื้อหมูที่สุกเต็มที่ และกลิ่นหอบอบอวนไปทั่วครัว เวลาเสิร์ฟก็โรยกาดหมูกุ๊บกิ๊บ ชื่อน่ารักๆ แต่ลักษณะเหมือนแคบหมูบ้านเรา ๕๕๕๕ รสชาติของเมนูจานนี้ก็ไม่ได้จัดจ้านมากมาย เหมาะสำหรับการเป็นเมนูกับแกล้ม หรือจะทานกับข้าวสวยร้อนๆ ก็อร่อยดีนะ

ปลากะพงทอดน้ำปลาเสิร์ฟพร้อมน้ำยำโบราณ ปลากะพงตัวใหญ่มว๊ากกกกกก แบบว่ามากัน 2 คนนี่แทบจะต้องห่อกลับบ้านกันเลยทีเดียว เนื้อปลาที่สดเอามาทอดกับน้ำมันร้อนๆ ทำให้ได้รสชาติของเนื้อปลาที่อร่อยและมีความเด้งดึ๋ง แต่ที่แปลกตาไปกว่านั้นก็คือที่นี่เขาไม่ได้เสิร์ฟกับน้ำยำมะม่วงตามแบบร้านอื่นทั่วไป ที่นี่เขามีน้ำยำที่มีเอกลักษณ์ของตัวเองคือน้ำยำโบราณ ซึ่งจะมีส่วนผสมของพริก 3 สี พร้อมกับพริกแห้ง กระเทียม ตะไคร้ ใบมะกรูด และมะพร้าวขาวคั่ว น้ำพริกเผา น้ำปลา มะนาว ซึ่งดูเครื่องปรุงแล้วแบบว่ายุ่งยากมาก ถ้าให้ทำกินเองก็คงเหนื่อยใช่เล่น แต่รสชาติที่ได้มาออกแนวจัดจ้านแนวกลมกล่อม เป็นน้ำยำอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่าอร่อย และแปลกใหม่ที่หาทานได้ยากมากในขณะนี้

แกงคั่วเนื้อปูก้อนใบชะพลู แว๊บแรกที่เมนูนี้วางอยู่บนโต๊ะ กลิ่นหอมมันของกะทิโชยมาเตะจมูกน้าอ้วนทันที ซึ่งมันเป็นกลิ่นที่ถือเป็นสัญญาณว่าแกงคั่วฯ ชามนี้รสชาติต้องเข้มข้นแน่นอน เมื่อพิจารณาเพ่งกระแสสินธุ์ทางจิตดูแล้ว สีสันของน้ำแกงนี่ช่างเหลืองนวลดีจริงๆ หลังจากที่เลิกมโนด้วยสายตาและจมูกแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องมาชิมด้วยลิ้นเพื่อตัดสินเมนูนี้กันอย่างจริงๆ จังๆ สักที ช้อนแรกน้าอ้วนขอตักน้ำแกงซดกันแบบเพียวๆ รสชาติหอม หวาน มัน พร้อมกับมีความเผ็ดเล็กน้อยตามแบบฉบับของแกงคั่ว มันแตะบนต่อมรับรสบนลิ้นและแสดงให้รู้สึกถึงรสชาติที่อร่อยและสุดยอดมาก ดังนั้นจึงไม่รอช้าในการออเดอร์ข้าวสวยร้อนๆ 1 จานเพื่อมาทานร่วมกับแกงคั่วเนื้อปูก้อนใบชะพลูชามนี้ เพราะอาหารไทยแบบนี้ต้องทานคู่กับข้าวสวยเท่านั้น ถึงจะเรียกว่าเพอร์เฟ็ค

เมนูอาหารคาวสุดท้ายที่จะมาแนะนำในวันนี้ ตอนแรกที่เจ้าของร้านบอกชื่อเมนูมา น้าอ้วนก็คิดในใจว่าอวยเมนูนี้ไปหรือเปล่า “ต้มยำปลาทู น้ำมันร้ายจริงๆ” ก็คิดในใจว่าน้ำมันจะร้ายแค่ไหน พอวินาทีแรกที่เสิร์ฟมาบนโต๊ะ กลิ่นของความเปรี้ยวนำจากมะนาวก็โชยมาเข้าจมูก เพื่อเป็นการไม่รอช้า น้าอ้วนจับช้อนตักน้ำซุปซดทันที รสชาติเปรี้ยวนำ เผ็ดตาม เค็มนิดๆ กรูกันเข้ามาอยู่เต็มปาก บอกเลยว่าชื่อ “น้ำมันร้ายจริงๆ” นี่มันเป็นนิยามที่สามารถบ่งบอกถึงเอกลักษณ์และรสชาติของเมนูนี้ได้เป็นอย่างดีและถูกต้องที่สด ปลาทูสดจากแม่กลองตัวใหญ่ๆ จนมีลูกค้าหลายคนแซวว่าร้านนี้เอาปลาโลมามาต้มให้ทาน เนื้อแน่นและสดมาก เมื่อเนื้อปลาสดๆ พร้อมทั้งน้ำซุปรสชาติแซ่บจัดจ้านมาอยู่ด้วยกัน บอกเลยว่าเป็นเมนูปิดท้ายที่สุดยอดและอลังการมาก (แต่เมนูนี้มีไซส์เล็กด้วยนะจ๊ะ ถ้าใครไปกันสองคน แต่อยากทานหลายๆ อย่างก็สั่งชามเล็กได้)

เมื่ออาหารคาวหมดไปแล้วก็ขอปิดท้ายด้วยขอหวานเพื่อล้างปากกันสักนิด “รวมดาวสาวจุฬา” เมนูชื่อกิ๊บเก๋ยูเรก้า หลายคนฟังชื่อก็คงนึกภาพไม่ออกว่ามันคืออะไร ที่มาของของหวานชามนี้เพื่อเป็นเกียรติแก่สถานที่ สมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ นั่นเอง และข้างในเขาก็มีแคนตาลูปที่หั่นเป็นรูปดาวเล็กๆ ดังนั้นจึงเป็นที่มากของรวมดาวสาวจุฬา ภาพรวมก็คือเมนูนี้คือทับทิมกรอบน้ำกะทิเสิร์ฟในแคนตาลูปลูกโต ทับทิมกรอบหลากสีอยู่ในน้ำกะทิที่หวานมัน รสชาติดี มีน้ำแข็งเพื่อเพิ่มความเย็นและสดชื่น เนื้อแคนตาลูปที่เฉาะมาเพื่อให้ลูกค้าสามารถเอาช้อนแงะเพื่อมาทานร่วมกับทับทิมกรอบได้ เป็นเมนูที่แบบว่าหอม หวาน มัน และสดชื่นด้วยเนื้อของแคนตาลูป จนแทบแบบว่าอยากจะเอาช้อนคว้านเนื้อแคนตาลูปทานให้หมดลูกซะเลย หึหึ

ร้านอาหารพฤกษา @เชียงใหม่ ร้านอาหารไทยที่สำหรับคนรักการทานอาหารไทยจะต้องห้ามพลาด ใครอยากทานอาหารไทยแบบว่ารสชาติแท้ๆ เข้มข้นและจัดจ้าน ไม่ได้มีกลิ่นของฝรั่งเข้ามาผสมเลย (มีเฉพาะเมนูสปาเก็ตตี้ไส้อั่วเท่านั้นที่ฟิวชั่น นอกนั้นไทยแท้ๆ) จากที่น้าอ้วนไปตอนที่ร้านกำลังเปิดช่วงเย็น ที่จอดรถโล่งและว่างมาก แต่พอทำงานเสร็จกลับออกมาอีกที รถเต็มที่จอดรถที่สามารถรองรับรถกว่า 60 คัน แทบจะแบบว่าแน่นกันมาก ส่วนมากที่เห็นจะเป็นกลุ่มลูกค้าผู้ใหญ่ ที่พากันมาทานข้าว ครอบครัวมาทานข้าวกันพร้อมหน้า กับเมนูอาหารอร่อยๆ ถ้าเป็นวัยรุ่นอาจจะยังมีน้อยอยู่ รสชาตินี่น้าอ้วนยอมรับว่าที่นี่หายห่วง เพราะเขาทำได้ดีมาก แต่สำหรับราคาแล้วใครที่ไปครั้งแรกอาจจะตกใจเล็กน้อย แต่บอกเลยว่าถ้าไปกันหลายคน แชร์กันแล้วราคานี่สบายกระเป๋า เพราะปริมาณของอาหารในแต่ละจาน กับราคานี่น้าอ้วนบอกเลยว่าสมเหตุสมผลกันมาก

Share on Facebook

Tweet

Follow us