อิ่มเอมกับอาหารเกาหลีสูตรต้นตำรับที่ TUDARI Express สาขาน้องใหม่ที่ เซ็นทรัลแอร์พอร์ตพลาซ่า

จากความอร่อยของ TUDARI Express ที่สาขา MAYA Chiang Mai จนเป็นที่นิยมของชาวเชียงใหม่แล้ว หลายคนอาจจะคิดว่าขี้เกียจไปแถวนิมมาน หรือสี่แยกรินคำจังเลย เพราะแถวนั้นรถติดมากในช่วงเย็น ดังนั้นทาง TUDARI Express เลยเอาใจลูกค้าเลยเปิดร้านใหม่ที่สาขา Central Plaza Chiang Mai Airport เพื่อให้ลูกค้าที่อยู่ย่านนั้นไม่จำเป็นต้องเข้ามาที่แถวนิมมานเหมินทร์แล้ว สำหรับร้าน TUDARI Express สาขาใหม่จะเป็นยังไง รสชาติจะเหมือนสาขา MAYA ที่น้าอ้วนชอบไปริวิวไหม? ต้องมาติดตามชมกัน

ชื่อร้าน : TUDARI Express สาขาเซ็นทรัล พลาซ่าเชียงใหม่ แอร์พอร์ต
ที่อยู่ : ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า เชียงใหม่แอร์พอร์ต ตำบลหายยา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด GPS :18.769218, 98.976022
ติดต่อ : Tudari Express สาขาเซ็นทรัล พลาซ่าเชียงใหม่ แอร์พอร์ต
เวลาเปิด–ปิด : 11:00 น. – 20:30 น. ​ทุกวัน
Wongnai Review : https://www.wongnai.com/restaurants/200599ID-tudari-central-airport-plaza-chiangmai

สำหรับใครที่มุ่งมั่นตั้งใจที่จะไปทานโดยเฉพาะก็เรียนเชิญ หรือใครที่ลั้นลาเดินช้อปปิ้งสวยๆ อยู่ที่ห้างเซ็นทรัล พลาซ่า เชียงใหม่แอร์พอร์ต แล้วหิวก็เชิญแวะที่ TUDARI Express ชั้น 4 โซนบริเวณลิฟท์แก้ว (ตรงข้ามร้าน Fuji Restaurant) คอนเซ็ปการตกแต่งของร้านนี้ก็ไม่แตกต่างอะไรจากสาขา MAYA หรือ TUDARI Express ที่อื่นๆ เพราะเขาคือคอนเซ็ปเดียวกัน รวมไปถึงเรื่องของอาหารการกินที่มีเมนูเหมือนกันทุกสาขานะจ๊ะ

อย่างวันนี้เมนูที่พลาดไม่ได้ เป็นเมนูแบบว่ายอดฮิต ใครมาแล้วก็ต้องสั่ง (แต่แนะนำว่าควรมากัน 2 คนขึ้นไป) นั่นก็คือชินดังดงต๊อกปกกิ (Shindangdong Topokki) ชื่ออ่านยากเหมือนกันเนอะ ถ้าจะพูดกันตามประสาบ้านเราง่ายๆ ก็คงแปลได้ว่า หม้อไฟต๊อกปกกิซอสโกชูจังแบบเผ็ด ซึ่งตอนเสิร์ฟเขาจะเสิร์ฟมาบนหม้อไฟ แล้วจัดหน้าตาอาหารตามแบบนี้เลย ด้านในก็จะมีพวกผัก มีเส้นต๊อกปกกิ (เหมือนก๊วยจั๊บบ้านเรา แต่แน่นกว่า) และมีพวกสาหร่าย ต้นหอมญี่ปุ่น แครอท ไข่ต้ม ฯลฯ ด้านบนก็จะมีเส้นชินราเมน (ลักษณะเหมือนมาม่าบ้านเราเลย แต่เหนียวนุ่มกว่ามาก) และราดด้วยซอสโกชูจังไว้ด้านบน ตอนสั่งพนักงานก็จะถามว่าจะรับแบบเผ็ดน้อย เผ็ดกลาง หรือเผ็ดมาก ซึ่งบอกตามตรงว่าอยู่ดีๆ ถ้าใครมาถามแบบนี้ เราก็คงตอบลำบาก เพราะมาตรฐานความเผ็ดของแต่ละร้านไม่เท่ากันใช่ไหม? ดังนั้นน้าอ้วนเลยขอแนะนำว่าให้สั่งแบบเผ็ดกลางดูก่อน ถ้าชิมดูแล้วยังไม่สะใจพอ ขอพริกเพิ่มได้ครับ เพราะเราสามารถเพิ่มความเผ็ดได้ (แต่ถ้าสั่งเผ็ดมากมาก่อน แล้วกินไม่ได้ จะลดระดับความเผ็ดลง นี่คงยากนะ)

เมนูที่สองชื่อสั้นหน่อย บิบัมบับไก่/หมู/เนื้อ (Dolsot Bibimbap) แต่ที่น้าอ้วนเลือกวันนี้เป็นหมูครับ บิบัมบั๊บเรียกได้ว่าเป็นข้าวยำและซอสพริกสไตล์เกาหลีเสิร์ฟในชามหินร้อน ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกว่าชามหินร้อน พอเอามือแตะนิดเดียว โอ้โห…. แทบจะเอามาจับติ่งหูไม่ทัน ร้อนมากครับ เวลาทานพนักงานก็แนะนำว่าให้ราดซอสพริกเกาหลีลงไปในชาม แล้วก็เอาช้อนคน โดยที่พยายามให้ข้าวแตะกับขอบชาม เพราะจะได้ร้อนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งด้านในก็จะมีผักค่อนข้างเยอะ มีเนื้อหมูด้วย มีไข่ไก่สด เวลาที่คลุกทุกอย่างเข้ากันมันจะเหมือนข้าวยำแบบทางใต้บ้านเรา แต่ร้อนมาก และรสชาติออกแนวเผ็ดๆ เค็มๆ เปรี้ยวๆ กิมจิ มีผักเยอะแยะครับ ถือว่าเป็นอาหารที่จะเรียกว่าเพื่อสุขภาพได้เลยนะ

ชามนี้มาด้วยสีสันและหน้าตาที่ออกแนวร้อนแรง ซุปกิมจิ (Kimchi Soup) กิมจิที่เราคุ้นเคย ผักดองในสไตล์เกาหลีที่มีรสชาติเผ็ด เปรี้ยว และเค็ม งานนี้เขาเอากิมจิรสชาติเปรี้ยวๆ เค็มๆ มาอยู่ในน้ำซุป ดังนั้นรสชาติของน้ำซุปก็จะออกแนวเปรี้ยวๆ เค็มๆ และเผ็ดอยู่ในตัว พร้อมทั้งก็ยังมีเนื้อหมูแทรกเข้ามาด้วย ใครที่ชอบความ Healthy แต่ไม่อยากขาดความจัดจ้าน น้าอ้วนแนะนำเลย และเมนูนี้เขาเสิร์ฟพร้อมกับข้าวสวย และแตงกวาดองด้วยนะจ๊ะ

ไหนๆ เราก็พูดถึงเจ้า “กิมจิ” อาหารประจำชาติของเกาหลีแล้ว หลายคนก็คงคิดแค่ว่ากิมจิก็คือเครื่องเคียงที่ทานคู่กับอาหารเกาหลีหลายๆ ตัวเท่านั้น แต่เท่าที่น้าอ้วนเคยศึกษามา “กิมจิ” มันมีอะไรมากกว่านั้นเยอะ วันนี้เราจะมาคุยเรื่องสาระกันบ้าง ๕๕๕๕ น้าอ้วนมีเรื่องของกิมจิมาฝากกันนะจ๊ะ

เจ้ากิมจิเนี่ย มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาก ประวัติของมันมีมากว่า 2,000 ปีแหน่ะ ตั้งแต่สมัยโคกรูยอแหน่ะ (ใครเป็นติ่งซีรี่ย้อนยุคเกาหลีคงเคยได้ยินชื่อนี้มาบ้าง) เมื่อก่อนกิมจิจะเป็นแค่ผักหมักเกลือธรรมดา สีขาวๆ ซีดๆ เท่านั้นเอง รสชาติก็ออกแนวเค็มๆ อย่างเดียว แต่พอมาสมัยโชซอน (อันนี้คงได้ยินบ่อย) เกาหลีก็เริ่มมีการนำเข้าพวกพริกแดงจากญี่ปุ่นก็เลยเริ่มมีการใช้พริกแดงผสมในเจ้าตัวกิมจิ เลยทำให้ได้รสชาติที่เปรี้ยว เค็มและเผ็ดกลมกล่อม และถูกพัฒนาสูตรมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นกิมจิที่เราได้ทานกันทุกวันนี้

หลายคนสงสัยกิมจิกินไปเพื่ออะไร เพื่อเป็นเครื่องเคียงให้อาหารอร่อยขึ้นเท่านั้นเหรอ? อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อย่าเพิ่งว่าอย่างนั้น น้าอ้วนบอกเลยว่า “กิมจิ” มีประโยชน์อะไรมากกว่านั้นเยอะ

– การดองกิมจิ ทำให้เกิด Anti Biotic (แบคทีเรียกรดแล็คติค) ที่จะช่วยยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรียที่ไม่ดีในลำไส้ด้วย อีกทั้งกรดแล็คติคนี้ยังช่วยป้องกันโรคเบาหวาน, โรคอ้วน และมะเร็งลำไส้ด้วยนะจ๊ะ
– กากใยของผักกาดขาว มีไฟเบอร์สูงมาก ช่วยในเรื่องของระบบขับถ่ายได้เป็นอย่างดี
– กระเทียม (ส่วนผสมหนึ่งของกิมจิ) มีประโยชน์ในเรื่องของการลดคลอเรสเตอรอล และป้องกันการจับตัวของก้อนเลือดด้วย
– กิมจิมีน้ำตาลน้อย และแคลอรี่ต่ำ ใครที่กลัวอ้วน งานนี้บอกเลยว่าชิลล์ๆๆๆๆ
– กรดอเซทิก, กรดอามิโน, ธาตุเหล็ก, แคลเซียม, วิตามินเอ, วิตามินบี และวิตามินซี ล้วนแต่เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และทั้งหมดอยู่ในกิมจินี้นะจ๊ะ

สลัดผลไม้ (Fruit Salad) เป็นสลัดผลไม้นานาชนิดคลุกมากับซอสโยเกิร์ต ใครที่รู้สึกเหนื่อยๆ หรือมาร้อนๆ ถ้าได้เมนูนี้ไปทานหละก็จะรู้สึกสดชื่นทันที ด้วยผลไม้ต่างๆ ที่มีความชุ่มฉ่ำในตัวเอง รสชาติหวานๆ เย็นๆ พร้อมกับโยเกิร์ตรสชาติเปรี้ยวนิดๆ หวานหน่อยๆ คลุกมาด้วย บอกเลยว่าน้าอ้วนทานหมดเป็นเมนูแรก

TUDARI Express ร้านอาหารเกาหลีชื่อดัง ที่บอกเลยว่าในกรุงเทพไม่มีใครไม่รู้จัก และลูกค้าแน่นขนัดทุกสาขา วันนี้เขามาเพิ่มสาขาในเชียงใหม่ ให้คนที่อยู่โซนทางด้านแม่เหียะ ป่าแดด และหางดงได้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น น้าอ้วนเคยมาทานอาหารเกาหลีที่นี่หลายครั้งแรก รับประกันเลยว่ารสชาตินี่เขาตามแบบต้นตำรับจริงๆ ถ้าไม่เจ๋งพอจะขยายสาขามากมายทั่วประเทศไทย และมากมายกว่า 2,000 สาขาทั่วเกาหลีได้อย่างไร จริงไหม?

Share on Facebook

Tweet

Follow us