Posted On
ไม่ว่าจะเป็นเค้กสไตล์อังกฤษ ขนมหวานสไตล์ฝรั่งเศส เจลาโต้ในแบบอิตาเลียน ที่นี่พร้อมสรรพให้บริการ
เค้กในเมืองไทยมีมากมายหลายชนิด หลายสไตล์ บางร้านก็ทำตามแบบสไตล์ไทยๆ หรือบางที่ก็อาจจะเป็นแนวเกาหลี ญี่ปุ่นก็ได้ แต่สำหรับเค้กที่สไตล์ยุโรป มีกลิ่นอายของตะวันตกอย่างอังกฤษหรือฝรั่งเศส ที่เชียงใหม่บอกเลยว่าไม่ค่อยจะมีสักเท่าไร และที่นี่ก็เป็นหนึ่งในร้านที่ถ้าใครเคยไปเที่ยวแถบโซนยุโรป แล้วประทับใจของหวานหรือขนมแถบนั้นแล้วรสชาติยังติดปากไม่รู้ลืม วันนี้น้าอ้วนจะชวนให้มาลิ้มลองรสชาติแบบนั้นอีกครั้ง แต่ไม่ต้องบินไปไกลถึงอีกซีกโลกหนึ่ง มากันใกล้ๆ แค่อยู่ใกล้ๆ สนามบินแค่นี้เอง ร้านขนมเค้กและเจลาโต้เล็กๆ ตกแต่งอย่างมีสไตล์ที่ร้าน Jardin d’ete’ Gelato & Dessert Cafe
ชื่อร้าน : JARDIN D’ETE’ GELATO & DESSERT CAFE
ที่อยู่ : 61 หมู่ที่ 3 ถนนสนามบิน ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด GPS : 18.770521, 98.974228
ติดต่อ : 095-8606262 , https://www.facebook.com/jardin.dete.chiangmai
เวลาเปิด-ปิด : 10:00 – 20:00 น. ทุกวัน
Wongnai Review : https://www.wongnai.com/restaurants/216262KD-jardin-d-été-gelato-and-dessert-cafe
Jardin d’été Gelato & Dessert Cafe (อ่านว่า จาร์แดง เดเต้ เจลาโต้ แอนด์ ดีเสิร์ท คาเฟ่) ร้านขนมชื่ออ่านยาก เพราะมาจากภาษาฝรั่งเศส แต่ไม่ต้องไปไกลถึงฝรั่งเศส อยู่ใกล้ๆ แค่ติดกับเซ็นทรัล พลาซ่า เชียงใหม่ แอร์พอร์ทนี่เอง ร้านนี้อยู่ในบริเวณของร้านอาหารสวนผัก ซึ่งน้าอ้วนเชื่อว่าหลายคนคงเคยผ่าน บางคนเคยเข้าไปทานอาหารที่ร้านสวนผักแล้ว หรืออาจจะขับรถผ่านเพื่อไปสนามบินก็เป็นได้ ร้าน Jardin d’été (ขอเรียกสั้นๆ) พอเลี้ยวรถเข้ามาที่ร้านสวนผัก ก็จะมองเห็นอาหารสีเหลือง ทำจากดิน รูปร่างเด่นเป็นสง่าชัดเจน นั่นแหละคือร้าน Jardin d’été
การตกแต่งและดีไซน์ของ Jardin d’été แห่งนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากบ้านดินหลังหนึ่งที่อยู่ในบริเวณร้านสวนผัก ตอนแรกเจ้าของร้านตั้งใจจะเอาบ้านดินหลังเดิมมาทำเป็นร้าน แต่ด้วยขนาดที่ค่อนข้างเล็ก และปัจจัยหลายประการไม่เอื้ออำนวย จึงได้คิดและสร้างบ้านดินหลังใหม่ขึ้นมา โดยดีไซน์และก่อสร้างให้ออกมาโดดเด่น และเจ้าของเรียกชื่อเล่นของบ้านดินหลังนี้ว่า “บ้านฮอบบิท” ตัวบ้านตกแต่งด้วยการทาสีเหลืองๆ แกมส้ม และจุดที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่งเมื่อได้เดินเข้าไปในตัวบ้านแล้วก็คือบริเวณเพดาน ซึ่งจะมีต้นไม้และดอกไม้เถาเล็กๆ แขวนอยู่บนเพดานเพิ่มความสดชื่นและถือเป็นจุดถ่ายรูปที่น่าสนใจอีกจุดหนึ่งเลยก็ว่าได้
Jardin d’été มีให้บริการเพียงแค่ขนม เจลาโต้ และเครื่องดื่มเท่านั้น โดยขนมนั้นต้องบอกก่อนเลยว่าเชฟทั้ง 2 คน (คุณเจน และคุณดนย์ เจ้าของร้าน) จบหลักสูตรการทำขนมจากสถาบันชื่อดังอย่าง Le Cordon Bleu จากลอนดอน ประเทศอังกฤษ และคุณเจนไม่เพียงแค่จบที่ Le Cordon Bleu ที่ลอนดอนเท่านั้น ยังมาเรียนเพิ่มเติมที่ Le Cordon Bleu ที่ดุสิต ประเทศไทยอีกด้วย ไม่พอแค่นั้นทั้งคู่ได้ไปเรียนวิชาการทำเจลาโต้ จากสถาบันเจลาโต้ชื่อดังจากประเทศอิตาลี่ (Gelato University, Bologna Italy) เพิ่มมาอีกหนึ่งหลักสูตร ดังนั้นเชื่อมั่นได้เลยว่าทั้งขนมและเจลาโต้ของที่นี่รสชาติและหน้าตาต้องไม่แพ้ร้านดีๆ และดังๆ ที่ไหนแน่ๆ
Gelato คือไอศครีมที่มีต้นกำเนิดมาจากอิตาลี่ Gelato คือไอศครีมที่มีไขมันและน้ำตาลน้อยเมื่อเทียบกับไอศครีมทั่วไป เน้นใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ ความหวานจากผลไม้เป็นหลัก เนื้อไอศครีมมีความแน่นเพราะกระบวนการในการทำ Gelato นั้นเครื่องจะต้องปั่นไอศครีมที่มีประสิทธิภาพสูงจึงทำให้อากาศเข้าไปรวมตัวกับส่วนผสมได้ดี และทำให้ได้เนื้อไอศครีมที่เนียนนุ่มกว่าไอศครีมทั่วไป
รสชาติของ Gelato ที่นี่มีมากมายหลายรสชาติให้เลือกทาน ส่วนมากจะเป็นรสชาติที่ได้จากผลไม้ตามฤดูกาล ซึ่งรสชาติของ Gelato ที่นี่จะหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่ถ้าเป็นผลไม้จากต่างประเทศจะมีเกือบทั้งปี เพราะเมืองนอกเป็นเมืองที่ปลูกผลไม้ประเภทเบอรี่ได้ทั้งปี ซึ่งทางร้านก็เลือกแต่วัตถุดิบชั้นดี ที่นำเข้าจากประเทศนั้นๆ หรือวัตถุดิบอื่นๆ เช่นช็อคโกแลต และถั่วต่างๆ ก็นำเข้าจากต่างประเทศด้วยเช่นกัน ที่นี่จะเน้นวัตถุดิบจากธรรมชาติ ความหวานจากผลไม้เป็นหลัก จึงได้เป็น Gelato ที่รสชาติผลไม้แท้ๆ คงความเป็นธรรมชาติ 100% และดีต่อสุขภาพ
อย่างที่น้าอ้วนจะเอามาให้ดูวันนี้เช่น Hazelnut รสชาติหวานเบาๆ มีความมันของถั่ว hazelnut อย่างเต็มเปี่ยม , Chocolate (จะใช้ dark chocolate เป็นหลัก) ดังนั้นรสชาติจะออกขม ใครที่ชอบรสชาติแบบ original ของ dark chocolate จะต้องปลื้ม , Red Wine เป็นรสชาติที่บอกเลยว่าที่ไหนไม่มี แต่ทีนี่ไม่ได้ใช้ไวน์แดงเพียวๆ เป็นหลัก จะใช้ไวน์แดงในลักษณะของซังเกรีย (Sangria) ซึ่งเป็นไวน์ที่ผสมน้ำผลไม้ จึงได้เป็นไอศครีมรสชาติไวน์ผสมกับน้ำผลไม้นั่นเอง หรือจะเป็น Mango ที่ได้กลิ่นหอมและรสชาติของมะม่วงแบบไทยๆ สุดท้ายรสชาติหวานอมเปรี้ยว สีสันสวยงามตามสไตล์ของผลไม้อย่าง Forest Berries นั่นเอง Gelato ที่นี่สนนราคาที่ 65 บาทต่อสกู๊ป
แต่เดี๋ยว…. ถ้าใครไปที่ร้านแล้วสั่ง Gelato มากิน แล้วเห็นเขาใส่เป็นถ้วยกระดาษมาให้ก็ไม่ต้องตกใจ ว่าทำไมน้าอ้วนได้ถ้วยเซรามิค แล้วฉันได้ถ้วยกระดาษ ก็เพราะเหตุผลง่ายๆ คือทางร้านอยากให้ลูกค้าได้ชิมรสชาติที่แท้จริง และเข้มข้นของ Gelato เพราะกว่าจะได้ Gelato แต่ละรสมาจะต้องผ่านกระบวนการมากมาย และที่นี่เน้นเรื่องของคุณภาพเป็นหลัก การที่จะตัก Gelato ให้เป็นก้อนกลมๆ จะต้องใช้ที่ตักจุ่มน้ำแล้วตัก ซึ่งน้ำจะทำให้รสชาติของ Gelato เจือจางลงไป ทำให้เสียรสชาติและเนื้อสัมผัส ดังนั้นทางร้านจึงเลือกเสิร์ฟแบบถ้วยกระดาษแบบนี้นี่เอง ถึงมันเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ทางร้านเอาใจใส่ทุกขั้นตอน
คุณดนย์หนึ่งในเจ้าของร้าน สาธิตการทำ Gelato น้าอ้วนเห็นกรรมวิธีในการทำรู้สึกว่าง่ายมาก แบบว่าเทส่วนผสมลงเครื่องแล้วรอให้เสร็จแล้วก็เอามาเสิร์ฟได้ แต่มันมีข้อปลีกย่อยในนั้นมากมาย กว่าจะได้ส่วนผสมที่ลงตัวที่จะเทลงเครื่องได้นั้น ทุกอย่างต้องคำนวณ ต้องผสมทุกอย่างให้เข้ากันเพราะการทำ Gelato เป็นทั้งศิลปะและวิทยาศาสตร์ในตัวเดียวกัน ต้องถือว่าใช้ความเชี่ยวชาญในการทำเป็นอย่างมากทีเดียว
ในส่วนของขนมหวานก็ไม่น้อยหน้า พาเหรดกันมาแต่ละอย่างนี่บอกเลยว่าน่ากินมาก ทั้งที่เป็นเค้กอย่าง Carrot Cake (120 บาท) แครอทที่ใช้ก็ไม่ใช่บ้านๆ เป็นแครอทคุณภาพดีนำเข้าจากต่างประเทศ จึงได้เนื้อแครอทที่ใช้เป็นวัตถุดิบที่ดี ซึ่งเนื้อเค้กจะห่อหุ้มด้วย White Chocolate และ Cream Cheese รสชาติหวานอมเปรี้ยว
หรือ Dark Chocolate Cake (140 บาท) เค้กที่เน้นความฉ่ำและรสชาติของช็อคโกแลตจริงๆ ที่เป็นเกรดนำเข้าจากต่างประเทศ เค้กเนื้อเนียน หวานกำลังดี ผสมผสานความขมเล็กน้อยที่เป็นรสชาติแท้ของช็อคโกแลต ใครที่รักของหวานสีดำแบบนี้รับประกันจะต้องฟินไปตามๆ กัน
Strawberry Cheese Cake (150 บาท) ของหวานหน้าตาน่ารัก สีสันสวยงาม เหลืองตัดกับแดง รสชาติเปรี้ยวอมหวาน ได้ความฉ่ำของสตรอเบอรี่และหวานอมเปรี้ยวของแยมสตรอเบอรี่ สาวกคนหลงรักสตรอเบอรี่และชีสเค้ก น้าอ้วนว่าชิ้นเดียวไม่น่าจะพอนะจ๊ะ
Creme Brulee (100 บาท) อีกหนึ่งขนมหวานที่แสนคลาสสิคจากฝรั่งเศส เป็นการผสมผสานระหว่างความเย็นและความร้อนได้อย่างลงตัว ด้านล่างเป็นเนื้อคัสตาร์ดที่เนียนเหลืองสวยงาม ได้กลิ่นหอมของวนิลาซึ่งทางร้านได้ใช้วนิลาฝักสดเป็นตัวเพิ่มกลิ่นหอมที่ยั่วยวน แช่เย็นก่อนเสิร์ฟ และความร้อนจากแผ่นคาราเมลสีน้ำตาลทองแข็งๆ เวลาทานก็ตักทั้งครีมคัสตาร์ดและแผ่นเกร็ดน้ำตาลจะได้ทั้งความเย็นและความร้อน ผสานรสชาติที่นุ่มเนียนคละคลุ้งอยู่ในช่องปากนั่นเอง
Strawberry Tart (150 บาท) ขนมหวานอีกชนิดที่หน้าตานี่บอกเลยว่าใครสั่งมาแล้ว คงอดที่จะถ่ายรูปขึ้น Social Network ไม่ได้ เพราะหน้าตาของขนมชิ้นนี้มันดูดีและสวยมาก สตรอเบอรี่สด ที่เจ้าของร้านตั้งใจไปเลือกซื้อจากโครงการหลวง คัดเอาเฉพาะลูกใหญ่ๆ ลูกต่อลูก ฉ่ำๆ และเนื้อสวย เพื่อเอาเป็นวัตถุดิบตัวเด่นของขนมชิ้นนี้ รวมไปถึงแป้ง Tart และครีมที่รสชาติลงตัวเป็นอีกหนึ่งส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้ขนมชิ้นนี้ทั้งหน้าตาสวยงาม และรสชาติดีอีกด้วย
Apple Crumble (150 บาท) ขนมหวานที่เสิร์ฟมาในถ้วยเก๋ไก๋ มาพร้อมทั้งผลไม้สด และเจลาโต้รสนมสดเย็นชื่นอร่อย ด้านในถ้วยถูกอัดแน่นไปด้วยเนื้อแอปเปิ้ลที่เอาไปปรุงรสแล้วอบพร้อม Cinnamon (อบเชย) จนได้แอปเปิ้ลที่นุ่ม หวานอมเปรี้ยวและหอม ท๊อปปิ้งด้วยแป้งครัมเบิ้ลอบกรอบ รสชาติกรุบกรับ หวานนิดๆ และมีธัญพืชผสมคลุกเคล้ากันมา ถือเป็นอีกหนึ่งขนมหวานของฝรั่งที่น้าอ้วนเชื่อว่าคนไทยหลายๆ คนต้องหลงรักแน่นอน
Macaron (ชิ้นละ 30 บาท) ขนมหวานที่คนไทยหลายๆ คนคงคุ้นเคยหน้าตากันดี มาการอง หรือมาการง แล้วแต่ใครจะเรียก ขนมหวานที่เมอร์แรงก์และผงอัลมอนด์ป่น ผสมกันจนได้เป็นขนมที่ใครหลายๆ คนชื่นชอบ จุดเด่นของมาการองที่นี่คือรสชาติไม่หวานมาก จะกินคู่กับเครื่องดื่มร้อน เครื่องดื่มเย็นก็เข้ากันดี โดยที่นี่จะมีอยู่ 4 รสชาติให้เลือกได้แก่ Lemon , Green Apple , Strawberry และ Blue Berry
น้าอ้วนบุกถึงครัว ไปชมกรรมวิธีในการทำ Macaron กันสดๆ งานนี้คุณเจนแสดงฝีมือให้ดูเต็มที่
มาดูในฝั่งของเครื่องดื่มกันบ้าง จะบอกไว้ก่อนว่าถ้าสั่งเครื่องดื่มที่นี่ พนักงานอาจจะมีการถามรายละเอียดของออเดอร์ซ้ำกันนิด เพราะว่าชื่อของเครื่องดื่มที่นี่ เขาจะเรียกตามสไตล์ของอิตาเลียน เช่น ถ้าใครอยากกินกาแฟ Latte ตามสไตล์ที่เรารู้จักกันก็คือ กาแฟใส่นม ใช่ไหม? แต่ถ้าสั่ง Latte ที่นี่พนักงานอาจจะเข้าใจว่าสั่งเป็นนมร้อน/เย็น อย่างเดียว เพราะคำว่า Latte ในภาษาอิตาเลียนแปลว่า “นม” นั่นเอง ถ้าอยากดื่มกาแฟที่ผสมนมอย่างเดียว ควรสั่งเป็น Caffe Latte นะจ๊ะ
นอกจากนั้นเครื่องดื่มตัวอื่นๆ เช่น Hot Mocca , Iced Green Tea , Ice Chocolate และ Earl Grey Tea (และจะบอกว่าชาบางตัวที่นี่ในเมืองไทยไม่มีขายนะจ๊ะ เพราะทั้งเจ้าของร้านและญาติๆ เมื่อเวลาไปเที่ยวต่างประเทศกลับมา มักจะหิ้วชาดีๆ ชาแปลกๆ จากหลากหลายประเทศกลับมาด้วย ดังนั้นใครที่เป็นนักดื่มชา น้าอ้วนว่าที่นี่เป็นอีกที่หนึ่งที่คุณต้องแวะมา) ก็มีพร้อมให้บริการด้วยเช่นกัน
เป็นอีกหนึ่งร้านเค้กที่มีความแตกต่างจากร้านอื่นๆ ตามสไตล์ของฝรั่งเศสและอิตาลี่ เจ้าของร้านทั้งคุณเจนและคุณดนย์ ถึงแม้อายุยังน้อย แต่ทั้งคู่ได้รับการฝึกฝนและเรียนรู้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในเรื่องของการทำขนม และเจลาโต้จากสถาบันที่มีชื่อเสียงระดับโลก ทำให้ขนมทุกชิ้นและเจลาโต้ทุกสกู๊ปบอกเลยว่าความเป็นดั้งเดิม รสชาติแบบออริจินอลแท้ๆ ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล Jardin d’été Gelato & Dessert Cafe พร้อมเสิร์ฟความอร่อย เหมือนได้ไปถึงบ้านเกิดแท้ๆ ของมันเลยทีเดียว หรือใครอยากมาถ่ายรูปคู่กับบ้านดินที่น่ารัก ดูแปลกตา ที่นี่ก็พร้อมต้อนรับลูกค้าทุกท่านเสมอ
RELATED POSTS
-
ไม่สด ไม่เสิร์ฟ สดเหมือนกินที่ทะเล พร้อมบริการส่งถึงบ้านที่ แม่เพ็ญ ซีฟู๊ด เดลิเวอรี่
-
นั่งชิลรับลม คาเฟ่วิวทุ่งนา สูดอากาศให้เต็มปอด เครื่องดื่ม อาหารขนมครบครันที่ Chiangmai Rice Life สันกำแพง
-
ถึงแม้ไม่ใช่บุฟเฟต์แต่ก็ครองใจคนเชียงใหม่มาสิบกว่าปี เสิร์ฟคุณภาพเน้น ๆ ที่ ต้องลิ้ม สุกี้ชาบู สันติธรรม
-
Cafe’ Din Din ร้านอาหารฟิวชั่น เมนูแปลกใหม่มากมาย
-
อยากแซ่บนัวในแบบอีสาน หรือจะอิ่มเช้าๆ กำลังดีแบบเวียดนาม มาที่เดียวครบที่ร้าน ต้นตำ ลำแซ่บ สันทราย
-
จะเป็นอาหารไทยหรือฝรั่ง ของหวานเครื่องดื่มแสนอร่อย Le Chalet Food & Beverage ก็พร้อมบริการ
-
สุดปัง! เมนูปัง ๆ เนื้อนุ่ม ไส้แน่น เชฟมือหนักจัดเต็มกันแบบเข้มข้น ไร้สารกันเสีย ขนมปังดี ๆ ที่ Sweet Bakes ลำพูน
Hi! Just saw your write up in Facebook. Love your place and would take my family there when they come visit me in Chiang Mai.
Sorry, I can’t write in Thai. Just want to say that your place is really nice and would love to visit soon
Best wishes,
Pearl (Singapore)
p.s
I just moved to Chiang Mai and always love to visit cafe so that I can bring my friends n family when they are here.