ตำนานความอร่อยกว่า 40 ปีของร้านอาหารญี่ปุ่นโกโร่ ความอร่อยจากเมืองกรุงมาสู่เชียงใหม่

ต้องย้อนอดีตเพื่อกล่าวถึงร้านอาหารญี่ปุ่นร้านนี้ แต่เชื่อว่าคนเชียงใหม่คงไม่รู้จักร้านนี้ เพราะเขาเป็นร้านดัง ร้านในตำนานของกรุงเทพมหานคร GORO Japanese Restaurant ร้านอาหารญี่ปุ่นที่สามารถพูดได้เลยว่าเป็นร้านแรกๆ ของประเทศ ซึ่งตำนานของอาหารญี่ปุ่นที่เข้ามาในเมืองไทยอย่างจริงๆ จังๆ ก็น่าจะอยู่ราวๆ 40 ปีได้ และร้านอาหารญี่ปุ่นโกโร่ นี่แหละก็เป็นหนึ่งในนั้น จากรุ่นสู่รุ่น จากรุ่นพ่อเสร็จ ก็มาต่อที่รุ่นลูก และร้านอาหารญี่ปุ่นโกโร่ แห่งนี้ก็ได้หายไปจากกรุงเทพได้สักพักหนึ่งแล้ว

ในที่สุด GORO Japanese Restaurant ก็ได้กลับมาผงาดอีกครั้งที่เชียงใหม่ โดยการนำทีมของเชฟรุ่นลูก คุณ Makoto Sato เจ้าของร้านและเชฟใหญ่ที่อยากนำร้านอาหารญี่ปุ่นโกโร่ แห่งนี้ให้เป็นที่รู้จักอีกครั้ง กอปรกับย้ายมาอยู่กับคุณแม่ซึ่งเป็นคนเชียงใหม่ จึงได้เลือกทำเลเมืองเชียงใหม่นี่แหละโดยมาเปิดที่ถนนอัษฎาธร ถ้าหากมาจากฝั่งคูเมือง ก็ให้ขับรถมาเรื่อยๆ มุ่งหน้ามาทางแจ่งศรีภูมิ เลี้ยวซ้ายไปทางคำเที่ยง ขับมาเรื่อยๆ ข้ามสะพานข้ามคลองมาก็ให้ชิดซ้าย เพราะร้านจะอยู่ด้านซ้ายมือก่อนถึงโรงแรมเพนนินซูล่า และร้านชุมแพเนื้อกระทะ ร้านเปิดตั้งแต่ 12:00 น. ถึง 24:30 น.

ด้านในเป็นร้านที่ค่อนข้างกว้างขวาง เพราะเป็นอาคารพาณิชย์ 2 คูหาด้วยกัน ด้านในก็จะมีทั้งโต๊ะที่เรียงรายกัน หรือจะเป็นโซนที่น้าอ้วนขอเรียกว่าเป็น Private Zone โดยจะมีมู่ลี่ญี่ปุ่นกั้นไว้ เผื่อใครที่อยากต้องการความเป็นส่วนตัว

ลิ้นวัวหมักมิโซย่าง (180 บาท) เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่ Rare Item จริงๆ เพราะวัวหนึ่งตัวก็จะมีลิ้นจำนวนจำกัด ดังนั้นก็อาจจะไม่มีมากนักในแต่ละวัน ลิ้นวัวที่เอาหมักกับซอสมิโซ เอาไปย่างไฟจนสุก ได้ความกรุบกรอบของลิ้นวัว ถ้าใครเป็นคนที่ชอบกินเนื้อจะรู้ว่าลิ้นวัวเนี่ยแหละ คืออีกหนึ่งส่วนของวัวที่อร่อยมาก เสิร์ฟพร้อมกับมิโซดิป สูตรเด็ดของร้าน เมนูง่ายๆ แต่อร่อยแบบนี้ ถ้าได้เครื่องดื่มเย็นๆ แกล้มด้วยหละก็ คงฟินที่สุด

หอยเชลล์ฮอคไกโดย่างชีส (2 ฝา, 95 บาท) เมนูยอดฮิตที่ใครมาก็มักจะสั่งเป็นประจำ จะพลาดได้อย่างไรเพราะนอกจากความอร่อยของหอยเชลล์ที่สั่งตรงจาก Hokkaido เอามาย่างชีสจนหอมและมันอร่อยแล้ว เรื่องของความคุ้มค่านี่ก็ถือว่าสุดยอด เพราะน้าอ้วนรู้มาว่าต้นทุนของหอยเชลล์ที่มาจาก Hokkaido แบบนี้ฝาหนึ่งก็ 30-40 บาทแล้ว เสิร์ฟกันมา 2 ฝาแบบนี้บอกเลยว่าเกือบเท่าต้นทุนเลยทีเดียว สรุปงานนี้ลูกค้าคุ้มสุดๆ

เอ็นเนื้อวัวต้มเต้าเจี้ยวดำ (90 บาท) คนรักเนื้อต้องร้องกรี๊ดอีกรอบ ด้วยเมนูเอ็นเนื้อวัวชามนี้ ทุกคำที่ตักเข้าปากจะได้รับรสชาติของเนื้อวัวที่ตุ๋นได้เปื่อยและนุ่มสุดๆ และถ้าคำไหนที่ตักได้เอ็นด้วยหละก็จะฟินเป็นสองเท่า น้ำซุปที่ออกหวานและเค็มเบาๆ เลยทำให้เนื้อตุ๋นชามนี้มีรสชาติที่ลงตัว พร้อมเต้าหู้ญี่ปุ่นที่มาช่วยเพิ่มความอร่อยให้อีกด้วย

สเต๊กปลาซาบะ (160 บาท) เมนู Signature ที่ติดอกติดใจของใครหลายๆ คน เมนูนี้คุณ Makoto บอกว่าออกบ่อยที่สุด เพราะเป็นสูตรสเต๊กที่อายุกว่า 40 ปี สูตรเด็ดของร้าน Goro เลยทีเดียว เนื้อปลาซาบะที่ทาด้วยซอส Original Goro ย่างจนหนังด้านนอกกรอบ และเนื้อด้านในสุกกำลังดี จะกินเปล่าๆ หรือจะกินพร้อมข้าวก็โอเคทั้งสองแบบ

Motsu Yaki (ไม้ละ 25 บาท, เซ็ท 5 ไม้ 110 บาท) เมนูของย่างเสียบไม้ อย่างที่น้าอ้วนแนะนำในวันนี้เป็นเซ็ทแบบ 5 ไม้นะจ๊ะ ก็จะมีทั้งเห็ดย่าง หมูย่าง และไก่ย่าง ซึ่งทางร้านจะเป็นคนเซ็ทเมนูมาให้ เนื้อสัตว์ต่างๆ ที่ย่างมาสุกกำลังดี ราดด้วยซอสสูตรเด็ด รสชาติออกแนวซอสเทอริยากิ เมนูนี้บอกเลยว่าเหมาะสำหรับใครที่อยากจะหาเครื่องดื่มเย็นๆ มาดื่มพร้อมกับแกล้มรสเด็ด นี่แหละขอแนะนำ

ไส้หมูรวมผัดเต้าเจี้ยวญี่ปุ่น (120 บาท) ตอนแรกน้าอ้วนก็งงว่าเมนูนี้มันเด่นยังไง? ทำไมเอาเมนูผัดแบบหน้าตาบ้านๆ แบบนี้มาแนะนำให้ลองชิม แต่พอได้ชิมแล้วก็รู้เลยว่ามันโอเค ไส้อ่อนหมู รวมทั้งกระเพาะหมูที่เอามาผัดกับเต้าเจี้ยวและผัก ผัดจนได้ความกลมกล่อมที่จะกินเปล่าๆ ก็โอเค หรือจะกินกับข้าวก็ยิ่งโอเคใหญ่ เมนูง่ายๆ หน้าตาเบสิคแบบนี้ใครจะรู้บ้างว่ามันเด็ดมาก (ถ้าน้าอ้วนไม่ได้ลองชิม เชื่อเถอะไม่สั่งหรอก เพราะดูหน้าตาธรรมดามาก ๕๕๕๕)

ซาซิมิเนื้อม้า (560 บาท) อิมพอร์ตจากจังหวัดคุมาโมโตะ (บ้านเกิดของเจ้าหมีจอมทะเล้น คุมะมง) หลายคนก็คงไม่คุ้นกับเนื้อชนิดนี้ เพราะว่าที่เมืองไทยเราไม่ค่อยนิยมกันสักเท่าไร แต่บอกเลยว่าที่ญี่ปุ่นมันเป็นเนื้อที่ยอดนิยม รองมาจาพวกเนื้อวัวสายพันธุ์ต่างๆ เนื้อม้าจะมีรสสัมผัสคล้ายๆ เนื้อวัว แต่จะมีความหนึบและหยุ่นกว่า และมีกลิ่นเฉพาะของตัวมันเอง ใครที่อยากลองเปลี่ยนรสชาติ หรืออยากลองชิมว่าเนื้อมันมันเป็นยังไง ที่นี่แหละเขามีให้ชิมแล้ว

ข้าวผัดกระเทียม (60 บาท) อย่าพึ่งตกใจว่าทำไมเอาเมนูพื้นๆ แบบนี้มาแนะนำ ก็จริงนะว่ามันพื้นๆ แต่ถ้าได้ชิมแล้วจะต้องติดใจ ถึงแม้ข้าวผัดกระเทียมจานนี้จะมีแค่กระเทียมกับเห็ดหอม แต่บอกเลยว่ามันฟินเว่อร์ รสชาติความกลมกล่อมมันมาแรงจริงๆ เมนูพื้นๆ แต่อร่อยเหาะจะบอกเลยว่านี่แหละคือ Signature ของโกโร่

ปิดท้ายด้วยเมนูยอดฮิตของคนไทย ใครไปร้านอาหารญี่ปุ่นก็คงไม่พลาดสั่งปลาดิบกันแน่นอน เซ็ทปลาดิบรวม (255 บาท) ทั้งแซลมอน ทูน่า และหอยเชลล์ จัดกันมาแบบเต็มที่ และที่สำคัญถ้าวันไหนพื้นท้องปลาแซลมอนมี เขาก็จะจัดมาให้ด้วย นอกจากความสดและชิ้นโตของปลาดิบแล้ว จุดเด่นของที่นี่ก็อยู่ที่โชยุ ที่เอาไว้จิ้มกับปลาดิบ ที่นี่ไม่ได้ใช้โชยุแบบธรรมดา เขามีโชยุสำหรับปลาดิบโดยเฉพาะ คุณ Makoto บอกว่าแพงหน่อย แต่รับรองว่าถ้าลูกค้าได้ชิมแล้วต้องติดใจ เลยต้องมีบริการให้ลูกค้าได้ลองชิมกัน

ตอนแรกที่เข้าไป น้าอ้วนก็เห็นว่าร้านดูดีเชียว แล้วแบบว่าเมนูก็มีแต่ภาษาญี่ปุ่น แถมลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นคนญี่ปุ่น รับประกันว่าราคาต้องแรงแน่นอน แต่พอได้มาสัมผัสแล้ว บอกเลยว่าราคาไม่แรงเลย เรียกได้ว่าระดับกลางๆ ที่คนธรรมดา คนเงินเดือนระดับกลางสามารถจ่ายไหว และที่สำคัญรสชาติเด็ดเลยทีเดียว ร้านเก่าแก่ของประเทศไทย คนกรุงเทพที่อายุสัก 50+ ปี น้าอ้วนว่าต้องรู้จัก และตอนนี้ Goro Japanese Restaurant ได้มาเปิดที่เชียงใหม่ เพื่อให้คนเชียงใหม่ได้ลิ้มรสอาหารญี่ปุ่นรสชาติตามสไตล์ของ Goro

รายละเอียดติดต่อ ร้าน Goro Japanese Restaurant

ชื่อร้าน : Goro Japanese Restaurant
ที่อยู่ : 9/2 ถนนอัษฎาธร ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด GPS : 18.797951,98.9945244
ติดต่อ :  061-4945505 , https://www.facebook.com/goro.cnx
เวลาเปิด-ปิด : 12:00 น. ถึง 24:30 น. ทุกวัน
Wongnai Review : https://www.wongnai.com/restaurants/241493MC-goro-japanese-restaurant

Share on Facebook

Tweet

Follow us