[SR] สัมผัสประสบการณ์ Nespresso @ Librarista

Special Review : สัมผัสประสบการณ์ Nespresso @Librarista Nimman 5

รีวิวนี้ถือเป็นรีวิวพิเศษรีวิวแรกที่น้าอ้วนได้ทำขึ้นนะครับ สืบเนื่องจากวันนี้น้าอ้วนได้มีโอกาสไปลองชิมและได้มาสัมผัสประสบการณ์ของ Nespresso ที่ร้าน Librarista นิมมานซอย 5 (หากใครยังไม่รู้จัก ลองดูรีวิวร้านนี้ของน้าอ้วนที่เคยทำไว้นะครับ) เจ้า Nespresso นี้ถือว่าเป็นอีกประสบการณ์แปลกใหม่ของกาแฟในเชียงใหม่ ที่ยังไม่มีร้านไหนเอามาบริการให้ลูกค้า อยากรู้ว่าจะตื่นเต้นขนาดไหน ตามน้าอ้วนมาครับ

ในรีวิวนี้น้าอ้วนไม่ขอรีวิวเกี่ยวกับร้านนะครับ ถ้าใครอยากรู้ว่า Librarista เป็นยังไงติดตามในรีวิวเก่าได้ เอาเป็นว่าเข้าเรื่องกันเลยนะครับ เจ้า Nespresso เนี่ยถ้าเราเรียกกันอีกชื่อหนึ่งเราจะเรียกว่า กาแฟแค็ปซูล (Coffee Capsule) ซึ่งจะเป็นกาแฟชนิดพิเศษ ที่บรรจุอยู่ในแค็ปซูล เวลาเราจะชงดื่มเราก็ต้องใช้คู่กับ Nespresso Machine

ข้อดีของ Nespresso คืออะไร?
เจ้า Nespresso เนี่ยเป็นกาแฟที่ผลิตโดย Nestle ครับ ข้อดีกาแฟทุกชนิดที่บรรจุอยู่ในแค็ปซูลจะผ่านกรรมวิธีการผลิตในขั้นตอนเดียวกัน ทำให้แต่ละสีของแค็ปซูลนั้น (มีทั้งหมด 16 สี, และรสชาติที่เป็น Limited Edition ที่ทำออกมาเฉพาะในแต่ละโอกาส) รสชาติออกมาเหมือนกันเปี๊ยบครับ ไม่มีการผิดเพี้ยน ต่างจากการชงกาแฟโดยใช้คนที่อาจจะมีการผิดเพี้ยนเนื่องจากคุณภาพของเมล็ดกาแฟ หรือวิธีการชงของบาริสต้าแต่ละคน ทำให้กาแฟแต่ละแก้วที่ออกมารสชาติไม่คงที่ หรือต่างกัน

ส่วนข้อเสียก็คือต้องใช้คู่กับ Nespresso Machine นั่นเองครับ แต่ถ้าพูดถึงกาแฟสดทั่วไปแล้ว ก็ต้องใช้คู่กับเครื่องชงกาแฟอยู่แล้วครับ ดังนั้นก็ถือว่าไม่ต่างอะไรกับกาแฟสดทั่วไป เพียงแต่วิธีการชงที่มีความยากและง่ายต่างกันเท่านั้นเอง

Nespresso Capsule มีอะไรบ้าง
อย่างที่น้าอ้วนกล่าวข้างต้นว่า Nespresso Capsule นั้นจะมีทั้งหมด 16 สีครับ โดยจะแยกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ คือ

1. Espresso Blend คือเกรดที่ใช้สำหรับทำ Espresso Shot ครับ โดยสามารถต่อยอดไปยังเครื่องดื่มชนิดอื่นได้เช่น Latte หรือ Cappuccino ก็ได้ด้วย ซึ่งได้แก่

Capsule : Ristretto / สีดำ
Intensity : 10
Note : Powerful and contrasting
Key Aroma : Dark roasted and subtle fruity

Capsule : Arpeggio / สีม่วง
Intensity : 9
Note : Intense and creamy
Key Aroma : Strong and intense body, cocoa

Capsule : Roma / สีเทาเข้ม
Intensity : 8
Note : Full and balanced
Key Aroma : Sweet and woody

Capsule : Livanto / สีทองแดง
Intensity : 6
Note : Round and balanced
Key Aroma : Well-balanced, caramelized roasted

Capsule : Capriccino / สีเขียวเข้ม
Intensity : 5
Note : Rich and distinctive
Key Aroma : Rich aroma and strong cereal

Capsule : Volluto / สีทอง
Intensity : 4
Note : Sweet and Light
Key Aroma : Sweet and biscuity flavour

Capsule : Cosi / สีช็อคโกแลต
Intensity : 3
Note : Light and lemony
Key Aroma : Light-bodied and refresh

2. Pure Origins คือเกรดของเมล็ดกาแฟที่นำเข้า จะมีอยู่ 3 รสชาติตามแหล่งที่ผลิตครับ

Capsule : Indriya from India / สีมะกอกอมเขียว
Intensity : 10
Note : Powerful and spicy
Key Aroma : Full-bodied, distinct personality of spices

Capsule : Rosabaya de Colombia / สีกุหลาบ
Intensity : 6
Note : Fruity and balanced
Key Aroma : Subtle acidity with typical red fruit and winey

Capsule : Dulsao do Brasil / สีเหลือง
Intensity : 5
Note : Sweet and Smooth
Key Aroma : Roundness and balance while revealing sweet of honey and malt

3. Lungos คือกาแฟเกรดนี้เหมาะสำหรับทำกาแฟชนิด Americano หรือกาแฟดำนั่นเอง

Capsule : Fortissio Lungo / สีเขียว
Intensity : 7
Note : Structured and intense
Key Aroma : Intense full-bodied blend with bitterness

Capsule : Vivalto Lungo / สีคราม
Intensity : 4
Note : Complex and balanced
Key Aroma : Roasted and subtle flower

Capsule : Finezzo Lungo / สีเหลืองทอง
Intensity : 3
Note : Floral and refreshing
Key Aroma : Aromatic and mild fragant of jasmine

4. Decaffeinated คือกาแฟที่ไร้คาเฟอีน ซึ่งกาแฟกลุ่มนี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการคาเฟอีนเข้าสู่ร่างกายครับ แต่รสชาติของกาแฟก็จะลดลงไปพร้อมกับคาเฟอีนที่หายไป

Capsule : Decaffeinato Intenso / สีน้ำตาล
Intensity : 7
Note : Dense and powerful
Key Aroma : Subtle cocoa and roasted ceral Full-bodied

Capsule : Decaffeinato Lungo / สีน้ำตาลแดง
Intensity : 3
Note : Light and full-flavoured
Key Aroma : Smooth creamy body and roasted cereal

Capsule : Decaffeinato / สีแดง
Intensity : 2
Note : Fruity and delicate
Key Aroma : Lightly roasted

แลดูว่ารีวิวนี้จะมีสาระที่สุดเท่าที่น้าอ้วนเคยทำมานะครับ 555 หลังจากที่เราทราบกันแล้วว่า เจ้า Nespresso นั้นมีอะไรบ้าง เรามาดูกันดีกว่าถ้าเราจะกินมัน เราต้องทำยังไงบ้าง

ขั้นตอนแรกให้เราเลือกชนิดของ Capsule ที่เราต้องการจะดื่มครับ และใช้แก้วให้สัมพันธ์กับชนิดของ Capsule ที่เราเลือกด้วยนะครับ เช่น Capsule บางชนิดสามารถชงกาแฟได้แค่หรือเหมาะสมกับแบบ Ristretto (25 ml.) หรือบางชนิดสามารถชงได้ทั้ง 25 ml. / 40 ml. หรือชงแบบ Lungo/Cappuccino/Latte (110 ml.) ได้

ถ้าดูจาก Wheel Chart ของ Nespresso Capsule ตัวนี้เราก็จะเห็นได้ว่า Capsule ตัวใดสามารถชงกาแฟได้แบบไหนบ้างนะครับ ซึ่งโดยหลักๆ ของ Nespresso จะสามารถชงกาแฟได้ 4 ชนิด

[checklist]

• Ristretto คือกาแฟแบบเข้มข้นสุดๆ ปริมาณอยู่ที่ 25 ml. / 0.85 oz
• Espresso เป็นกาแฟแบบเข้มเหมือนกันแต่จะไม่เท่า Ristretto ปริมาณจะอยู่ที่ 40 ml. / 1.35 oz
• Lungo จะเป็นลักษณะของกาแฟดำครับ หรือที่เรียกว่า Americano นั่นเอง ปริมาณอยู่ที่ 110 ml. / 3.75 oz
• Milk Recipe คือจะเป็นกาแฟที่สามารถใส่นมได้ด้วยเช่น Latte หรือ Cappuccino ปริมาณ 110 ml. / 3.75 oz

[/checklist]

เพื่อจะทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น มิตรรักแฟนเว็บสามารถไปดูรายละเอียดของ Nespresso Wheel ได้ที่เว็บ Nespresso UK http://www.nespresso.com/uk/en/wheel ได้โดยตรงครับ เพราะน้าอ้วนเข้าไปดูแล้ว ทำให้เข้าใจถึงคุณลักษณะของแต่ละตัวได้อย่างดีจริงๆ

เรามาเริ่มลงมือชงกาแฟกันเลยดีกว่า แก้วแรกน้าอ้วนเลือกเป็น Espresso Shot ขนาด 25 ml. (แก้วซ้ายมือสุด) นะครับ รส Volluto (ซึ่งเป็นรสที่คนไทยนิยมที่สุด)

น้าอ้วนเลือกใช้แก้วแบบ 25 ml. นะครับ เราก็เอา Capsule ที่เลือกไว้ใส่ลงไปในเครื่องเลยครับ หลังจากนั้นเราก็ล็อคเครื่องโดยดึงคันโยกมาข้างหน้าครับ แล้วกดปุ่ม Espresso Shot (ซึ่งปุ่มบนเครื่องจะมีอยู่ 2 ปุ่มนะครับ ปุ่มซ้ายสำหรับทำกาแฟเป็น Shot 25 ml. และปุ่มขวาสำหรับทำกาแฟแบบ 110 ml.)

เราก็รอสักพักครับ ให้น้ำกาแฟไหลลงใส่แล้ว เป็นช่วงเวลาที่ลุ้นที่สุด กับประสบการณ์ครั้งแรกกับ Nespresso ของน้าอ้วนครับ และในที่สุดน้าอ้วนก็ได้ Espresso Shot รส Volluto แล้ว

หลังจากนั้นน้าอ้วนก็ได้ใจครับ ในเมื่อแก้วแรกประสบความสำเร็จแล้ว ก็ประเดิมกับ Nespresso แบบ Lungos บ้าง รอบนี้ขอเลือกเป็นแบบ Finezzo Lungos ซึ่งวิธีการทำก็เหมือนกับแก้วแรกที่สาธิตไปแล้วนะครับ เพียงแต่เราใช้ปุ่มด้านขวาในการกดน้ำครับ จะได้กาแฟ Lungos (Americano) ขนาด 110 ml. ครับ

สำหรับแฟนเพจที่ติดตามรีวิวของน้าอ้วนอยู่บ่อยๆ ก็จะทราบว่าน้าอ้วนชอบดื่ม Hot Latte ดังนั้นเมื่อน้าอ้วนได้มาร้านกาแฟแล้ว ถ้าไม่ได้ดื่ม Hot Latte หละก็น้าอ้วนไม่ยอมกลับเด็ดขาด ดังนั้นแก้วสุดท้ายของรีวิวนี้น้าอ้วนเลยเลือกเป็น Ristretto ซึ่งถือว่าเป็น Espresso Shot ที่แรงที่สุด 5555 (คืนจะได้นอนไหมนี่)

วิธีการทำก็เหมือนเราทำ Espresso Shot ครับ คือใช้ปุ่มกดน้ำร้อนแบบ 25 ml. เพื่อที่จะให้ได้เป็น Espresso Shot แล้วเราจะเอามาผสมกับ Steamed milk แล้ว ซึ่งอุปกรณ์การทำ Steamed milk จะวางอยู่ข้างๆ เครื่อง Nespresso Machine ครับ เพียงแค่เราเทนมจืดธรรมดาใส่ลงไปในเครื่องแล้วกดปุ่ม ก็เพียงรอจนเสร็จ แล้วเราก็จะได้ Steamed milk ที่พร้อมจะเทผสมลงกับ Espresso Shot ที่เราเตรียมไว้

พอเราเท Steamed milk ใส่เรียบร้อยแล้ว ก็ตักฟองนมวางไว้ข้างบนนะครับ และแล้ว Hot Latte ของน้าอ้วนก็เสร็จแล้ว 🙂 // แต่ในกรณีถ้าอยากจะทำเป็น Cappuccino ก็ทำกลับกันครับ คือตักฟองนมลงไปก่อน แล้วค่อยเท Steamed milk ลงไปครับ

กระบวนการทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว น้าอ้วนก็สงสัยว่าไอ้เจ้า Capsule ที่่เราใส่ไปเมื่อกี้มันจะเป็นแบบไหน ก็เลยขอน้องพนักงานเปิดในเครื่องดูปรากฎว่า Capsule ถูกเจาะรูพรุนเลยครับ 5555 และสำหรับวันนี้น้าอ้วนก็ได้ชิมกาแฟ Nespresso Capsule ไปทั้งหมด 3 รสด้วยกัน OMG แล้วคืนฉันจะหลับไหมนี่

สำหรับประสบการณ์ กับเจ้ากาแฟ Capsule Nespresso ของน้าอ้วนในวันนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ตื่นเต้นมากครับ เพราะเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้ลองฝึกเป็นบาริสต้าเอง ด้วยวิธีการชงกาแฟที่ง่ายมาก เท่าที่ได้คุยกับน้องพนักงานและคุณเล็กเจ้าของ Librarista ก็ได้ทราบว่า Nespresso นี้เป็นที่นิยมในต่างประเทศอย่างแพร่หลายครับ เนื่องด้วยความง่ายในการชงกาแฟ และคุณภาพรวมไปถึงรสชาติที่คงที่เพราะกระบวนการผลิตที่เป็นมาตรฐานทุก Capsule จึงไม่แปลกว่าเจ้าเครื่องนี้จะเป็นที่นิยมของผู้ที่ชื่นชอบในการดื่มกาแฟครับ ดังนั้นถ้าหากใครได้แวะไปเยี่ยมเยือน Librarista อย่าพลาดที่จะลอง Nespresso Machine ดูนะครับ ส่วนของราคาก็ไม่แพงครับ เริ่มต้นที่ 75 บาทต่อ Capsule เท่านั้นเอง

Share on Facebook

Tweet

Follow us