แจ่วฮ้อนแซ่บ ๆ สไตล์อีสาน พร้อมอาหารเหนือรสชาติที่คุ้นเคย ร้านอาหารบรรยากาศสบายใจกลางเมืองที่ กิน กาญ ณ สวนดอก

By น้าอ้วน 2 years ago

ช่วงฤดูฝนแบบนี้ ตอนเย็น ๆ ก็มักจะมีฝนตกอยู่เป็นเนือง ๆ ทำให้อากาศมันเย็นลง หลายคนก็คงเลือกเมนูอาหารเย็นที่ช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่น เชียงใหม่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งหมูกระทะ และชาบู หลากหลายร้านหมูกระทะ ก็คงเป็นร้านในดวงใจของใครหลาย ๆ คน แต่วันนี้น้าอ้วนจะพามารู้จักร้านสไตล์คล้าย ๆ ชาบูร้านหนึ่ง แต่จะเป็นชาบูแบบอีสาน นั่นก็คือ แจ่วฮ้อนนั่นเอง แจ่วฮ้อนสูตรเด็ดที่ถ้าใครเบื่อชาบูแบบญี่ปุ่นแล้ว แวะมาลองมาชิมได้เลยที่ กิน กาญ ณ สวนดอก

กิน กาญ เป็นคำพ้องเสียงมาจากคำว่า กินกันนะ และอีกทั้งเจ้าของร้านก็ชื่อคุณกาญ เลยทำให้ร้านนี้มีชื่อเก๋ ๆ ว่า กิน กาญ ณ สวนดอก ไหน ๆ ร้านก็บอกโลเคชั่นกันแล้ว ก็คงอธิบายได้ไม่ยาก ขับรถโดยใช้ถนนเส้นโรงพยาบาลสวนดอก (ถนนสุเทพ) มุ่งหน้าไปทางตลาดต้นพยอม ผ่านวัดสวนดอก ก่อนถึงสี่แยกหลังกองบิน ให้สังเกตธนาคารกรุงเทพ สาขาถนนสุเทพ จะมีซอยอยู่ข้างธนาคาร ให้เลี้ยวเข้าไป พอเลี้ยวปุ๊บขับไปนิดเดียว สังเกตด้านซ้ายมือ จะมีซอยชื่อ ถนนศรีวิชัย ซอย 1 เลี้ยวรถเข้าไปเลย ร้านจะอยู่ด้านซ้ายมือ เป็นร้านสวย ๆ มีสนามหญ้าหน้าร้านด้วย

ร้านสวย ๆ โล่ง ๆ มีสนามหญ้าอยู่หน้าร้าน ไว้สำหรับใครต้องการเสพความเขียว หรือครอบครัวที่พาเด็ก ๆ มา จะวิ่งเล่น ระหว่างที่คุณพ่อคุณแม่กำลังนั่งกินอาหารกัน ร้านจะมีทั้งโซนในร่ม และกลางแจ้ง

เมนูเด่นของที่นี่ก็คงหนีไม่พ้น แจ่วฮ้อน ที่น้าอ้วนเกริ่นไว้เมื่อตอนต้น แจ่วฮ้อนที่นี่จะเป็นสูตรจากอีสานแท้ ๆ แต่เมื่อมาเชียงใหม่แล้วทางร้านก็ปรับรสชาติ เพราะน้ำแจ่วฮ้อนในแบบอีสานแท้ ๆ เลยจะเน้นรสชาติไปทางเค็ม และเผ็ด ดังนั้นทางร้านจึงปรับรสชาติให้ถูกปากคนเหนือมากขึ้น

แต่ต้องบอกก่อนว่าแจ่วฮ้อนที่นี่ไม่ได้บริการแบบบุฟเฟต์นะ เขาจะขายเป็นจาน โดยเมนูที่เป็นประเภทหมู จะเริ่มต้นที่ 30 บาท ไม่ว่าจะเป็น สันคอหมูสไลซ์, หมูสามชั้นสไลซ์, หมูหมก, ไส้อ่อน ฯลฯ

ถ้าใครชอบกินเนื้อ เมนูเนื้อก็เริ่มต้นกันเพียง 40 บาททั้ง เสือร้องไห้, เนื้อส่วนท้องสไลซ์, เนื้อน่องลาย, ลิ้นวัว หรือหมูหมักนุ่ม เป็นต้น

ส่วนทะเล ก็เริ่มต้นที่ 30-40 บาทเช่นเดียวกัน และอื่น ๆ เท่าที่เห็นถูกที่สุดก็น่าจะเป็นไข่ไก่ เพียง 10 บาทเท่านั้น ใครชอบใจเมนูไหน ติ๊กเลือกกันได้เลย

เมื่อทุกอย่างมาครบแล้ว น้ำแจ่วก็ร้อนได้ที่ ก็ถึงเวลาบรรเลงเพลงจุ่มแซ่บกันแล้ว น้ำแจ่วฮ้อนที่นี่อาจจะไม่ได้เผ็ดมาก (แต่ถ้าใครชอบเผ็ด ก็สามารถขอพริกจากทางร้านเพิ่มได้นะ) เค็มนิด ๆ และมีความหวานหน่อย ๆ แต่เมื่อถ้าเอาเนื้อหรือผักต่าง ๆ ลงไปจุ่มแล้ว น้ำสุดท้ายจะรู้สึกว่ากลมกล่อมและเข้มข้นเป็นพิเศษ

หรือถ้าใครไม่รู้จะเลือกสั่งอะไรดี อันนี้ก็อยากกิน อันนั้นก็อยากลอง แต่ถ้าสั่งมาเยอะก็กลัวกินไม่หมด สำหรับคนที่อยากกินหลาย ๆ อย่าง ในแบบอิ่มพอดี ทางร้านก็มีแบบชุดเซ็ทให้เลือกด้วยนะ ใครชอบเซ็ทไหนลองเลือกดูเลย

นอกจากจะมีอาหารอีสานอย่างแจ่วฮ้อนแล้ว ที่นี่ก็ยังมีอาหารเหนือ ที่ได้แม่ครัวเมืองคนเหนือแท้ ๆ ที่มีประสบการณ์ทำอาหารท้องถิ่นที่มากกว่า 40 ปี มาเป็นเชฟใหญ่ โดยราคาอาหารบอกเลยว่ามันน่ารักมาก ถ้าใครเห็นแล้วอยากจะสั่งมาเสียทุกอย่างเลย

แกงอ่อมไก่ (50 บาท) น้ำแกงรสชาติเข้มข้นกำลังดี อาจจะไม่จัดจ้านเกินไป เนื้อไก่นุ่ม บางชิ้นสามารถเคี้ยวได้ถึงกระดูกเพราะเปื่อยมาก

คั่วแห้งไก่ (50 บาท) กลิ่นสมุนไพรหอมเด่นชัดมาก เนื้อไก่นุ่มกำลังดี พริกแกงผัดมาแล้วเคลือบกับเนื้อไก่ทำให้ได้รสชาติ ที่สำคัญใส่ใบโกสนมาด้วย ไม่เห็นแบบนี้มานานมาก

คอหมูย่างจิ้มแจ่ว (120 บาท) อันนี้ต้องบอกว่าคือ the best เพราะว่าความนุ่ม ผสานความกรึบมันมาพร้อมกันดีมาก กินคู่กับน้ำจิ้มแจ่ว มันคือดี

เสือร้องไห้ย่าง จิ้มแจ่ว (110 บาท) เอาใจสายเนื้อบ้างกับเสือร้องไห้ย่าง ต้องบอกก่อนว่าเนื้อเสือร้องไห้มันจะไม่ได้นุ่มเหมือนส่วนอื่นนะ เนื้อสัมผัสจะเหนียวหน่อย ใครที่ชอบเนื้อย่างแบบสู้ฟัน บอกเลยว่าต้องสั่ง

ลาบคั่วหมู (50 บาท) ถ้าได้ข้าวสวยร้อน ๆ หรือข้าวนึ่งสักปั้น น่าจะเข้ากับเมนูนี้อย่างดี เนื้อหมูสับที่เอาไปคลุกกับพริกลาบ แล้วเอาไปคั่วให้สุกใส่เครื่องในลวกรสชาติเข้ากันเป็นอย่างดี

น้ำพริกอ่องและชุดผัก (40 บาท) น้ำพริกอ่องจะรสชาติไม่จัดมาก ความเผ็ด เปรี้ยว เค็ม หวานมาครบ เสิร์ฟพร้อมกับผักต่าง ๆ ทั้งแบบสดและลวก กินแล้วมันเพลินดีนะ

เรียกได้ว่าร้านนี้เป็นสิงห์เหนือปะทะเสืออีสาน ทั้งเมนูอาหารเหนือรสเด็ดจากฝีมือเชฟผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการอาหารเมืองมาเป็นเวลานาน และแจ่วฮ้อน น้ำซุปที่เป็นเอกลักษณ์ตามแบบของ กิน กาญ ณ สวนดอก ที่ได้มีการปรับรสให้ถูกปากคนเหนือมากยิ่งขึ้นโดยเชฟฝีมือดี ถ้าใครต้องการร้านอาหาร ร้านแจ่วฮ้อนบรรยากาศดี ๆ โล่ง โปร่ง มีพื้นที่สีเขียวให้เด็ก ๆ ได้วิ่งเล่น กิน กาญ ณ สวนดอกแห่งนี้ บอกเลยว่าอยู่ในเมืองที่ไม่ต้องไปไหนไกล