Green Table สุดยอดร้านอาหารที่ลงตัวทุกอย่าง

อาหารเมดิเตอเรเนียน ขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารที่น่าลิ้มลองเป็นอันดับต้นๆ ยิ่งถ้าใครเป็นคนที่รักและดูแลสุขภาพด้วยหละก็ น้าอ้วนว่าอาหารเมดิเตอเรเนียนเนี่ยแหละเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรับประทาน เพราะอาหารชาตินี้เขาจะเน้นความพิถีพิถันในการคัดเลือกวัตถุดิบทั้งวัตถุดิบหลักและสิ่งที่นำมาปรุงรส อาหารชาตินี้เขาจะใช้สิ่งปรุงรสที่เป็นสารเคมีหรือสิ่งที่สังเคราะห์ขึ้นน้อยมาก จะใช้รสชาติของวัตถุดิบหรือสิ่งที่ได้จากธรรมชาติเป็นหลัก รวมถึงการใช้น้ำมันมะกอกในการประกอบอาหาร วันนี้น้าอ้วนได้มีโอกาสได้รับเชิญจากร้านอาหารที่ขึ้นชื่อเรื่องของความอร่อยและบรรยากาศ (ไปแอบดูรีวิวจากเว็บอื่นๆ มาแล้ว) ร้านนี้ถือว่าได้ว่าน่าสนใจมากครับ จึงนัดคิวที่จะเข้าไปรีวิวกัน กับร้าน Green Table ชั้น 2 โครงการคันทารีเทอเรซ นิมมานเหมินทร์ ซอย 12

ชื่อร้าน : Green Table
ที่อยู่ : 44, 44/1-2 ถนนนิมานเหมินทร์ซอย 12 ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
พิกัด GPS : 18.79561,98.965627 (แผนที่จาก Google Map)
ติดต่อ : 053 920190, https://www.facebook.com/greentableCM
เวลาเปิด-ปิด :  11:00 – 23:00 น. ทุกวัน

สำหรับร้าน Green Table เป็นอะไรที่หาง่ายมากครับ ร้านเขาตั้งอยู่บนถนนนิมมานเหมินทร์ ซอย 12 อยู่ในโครงการคันทารี เทอเรซ ชั้น 2 ซึ่งซอย 12 ก็คงอาจจะไม่ค่อยคุ้นกันสักเท่าไร มันคือซอยที่จะเข้าไปโรงแรมคันทารีฮิลล์นั่นแหละครับ เลี้ยวเข้าซอยมานิดเดียว ร้านจะอยู่ด้านขวามือ เมื่อเราเลี้ยวรถเข้าไปจะมีที่จอดรถเยอะมากครับสำหรับนิมมานเหมินทร์ปัญหาหนึ่งที่หลายคนกังวลคือเรื่องของที่จอดรถ แต่ร้านนี้จอดในโครงการได้ จอดฟรีด้วยเอาบัตรจอดรถมาสแต๊มป์ที่ร้านได้เลยครับ

ถ้าเรามองขึ้นมาจากด้านล่าง (ตอนที่เลี้ยวรถเข้ามา) หรือใครที่เลี้ยวรถเข้ามาแล้ว จะวิ่งไปดูตรงถนนอีกรอบก็ได้ เพื่อให้เข้าถึงสิ่งที่น้าอ้วนจะพูดขณะนี้ … จะเห็นว่าร้านนี้ไม่ใหญ่เลย ดูเหมือนจะเป็นร้านเล็กๆ ซะด้วยซ้ำ ซึ่งคุณคิดถูกแล้วครับ ร้านนี้ไม่ใหญ่เลย แต่เขาจะแบ่งเป็น 3 โซนด้วยกันก็คือ เป็นโซนห้องแอร์ครับ ตกแต่งเน้นโทนสีดำเป็นหลัก โต๊ะเก้าอี้ตกแต่งได้หรูหรามาก แต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นพิธีการอะไรขนาดนั้น ร้านนี้เขาเหมาะสำหรับครอบครัวมาทานข้าว, เพื่อนฝูงมาเฮฮา หรือคู่รักที่จะมาโรแมนติกด้วยกัน …

อีกโซนหนึ่งจะเป็นโซนหน้าบาร์ครับ ก็จะเน้นความสนุกสนานเป็นหลัก และโซนสุดท้ายจะเป็นแบบโอเพ่นแอร์ สำหรับใครที่อยากจะชิลๆ รับลมธรรมชาติ ก็สามารถเลือกตรงนี้ได้เลย ส่วนในเรื่องของเสียงเพลง เขาก็จะแบ่งเพลงเป็นช่วงๆ นะ ช่วงแรกหัวค่ำก็จะเป็นเพลงสบายๆ แล้วก็เริ่มจังหวะแรงขึ้น สุดท้ายใกล้ปิดร้านก็สนุกสนานกันเต็มที่หน่อย พูดได้เลยว่ามาร้านนี้ได้ครบ

ในเรื่องของเมนูอาหาร เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น้าอ้วนชอบร้านนี้นะ แลดูเขาไม่เวิ่นเว้อ ไม่วุ่นวายอะไรมาก ชื่อเมนูอาหารสั้นๆ ได้ใจความ เช่น … PRAWN & BACON (กุ้งและเบคอน) สั้นๆ แล้วก็มีอธิบายข้างล่างเอา หรือในหมวดของอาหารจานหลัก ซึ่งเขาจะเน้นเป็นพวกสเต็ก เขาก็ใช้คำง่ายๆ เช่น SALMON, DUCK หรือ PORK อะไรงี้เป็นต้น สั้นๆ คำเดียว ได้ใจความ นอกนั้นก็ไปขยายความกันเองเองในบรรทัดด้านล่าง

นอกจากเมนูอาหารแบบเมนูหลักแล้ว ที่นี่เขาก็มีเมนูเซ็ทกลางวันไว้บริการด้วยเช่นกัน ก็จะเป็นอาหารแบบเดียวกับเมนูหลักครับ แต่ปริมาณอาจจะลดลงและราคาก็ถูกลงกว่าเดิมด้วย เหมาะสำหรับการทานมื้อเที่ยงในช่วงเร่งรีบ แต่ถึงแม้ลดปริมาณและราคาลง แต่รสชาติก็ยังแซ่บเหมือนเดิม

ได้เวลาคลี่ผ้าเช็ดปาก ใครจะเอามาเหน็บไว้ที่คอเสื้อ หรือจะเอามาวางไว้บนตักก็แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคน สำหรับรีวิวในวันนี้ภาพอาหารบางภาพอาจจะไม่สีสันสดใส สักเท่าไร เพราะทางทีมงานน้าอ้วนเราได้ไปรีวิวกันในตอนเย็นครับ แล้วประกอบกับบรรยากาศร้านนี้โรแมนติกซะ ไฟสลัวๆ อิอิ … แสงก็เลยอาจจะน้อยไปหน่อย เลยทำให้ภาพอาจจะดูไม่สมบูรณ์แบบสักเท่าไร แต่น้าอ้วนการันตีได้ว่า รสชาติเด็ดสุดยอด

เริ่มจากเมนูแรก ที่ทุกร้านต้องมีให้ลูกค้านั่นก็คือ Welcome Bread ซึ่งขนมปังชุดนี้เขามีให้ฟรีอยู่แล้วครับ ใครมานั่งปุ๊บก็จะได้ปั๊บเลยทันที แถมมีให้ไม่อั้นด้วยถ้าหมดแล้วขอเพิ่มได้นะ เขาไม่หวง ในตระกร้านี้จะเป็นขนมปังที่ร้านทำเองครับ เสิร์ฟพร้อมกับเนยกระเทียม บอกเลยว่ารสชาติขนมปังที่นี่อร่อยมาก เนื้อขนมปังด้านในนุ่มและเหนียว มีความมันแต่ขอบขนมปังแข็งมาก แต่ก็ถือว่าได้สองอารมณ์ในชิ้นเดียวกัน ยิ่งทากับเนยกระเทียมบอกเลยว่าเมนูนี้เด็ดสุด (ใครทานแล้วติดใจ เบิ้ลสองได้ เขาไม่หวง อิอิ)

และแล้วความอร่อยก็เริ่มขึ้น โดยธรรมเนียมการทานอาหารแบบฝรั่ง เขาจะเรียงคอร์สกันมา เริ่มต้นด้วย Appetizer หรือ Starters (แล้วแต่ใครจะเรียก) เมนูนี้มีชื่อที่ไม่ค่อยคุ้นหูว่า Bruschetta จะเป็นขนมปังอบกรอบ (ขนมปังแบบเมื่อกี้แหละ) อบกับมะเขือเทศและมอสซาเรล่าชีส ราดด้วยซอสเพสโต้ (ซึ่งเป็นซอสออกแนวสมุนไพร) จากที่น้าอ้วนประทับใจขนมปังเมื่อกี้แล้ว แล้วได้มาเจอขนมปังนี่อีกครั้งซึ่งอบมากับมะเขือเทศ, มอสซาเรลล่าชีส ด้วยหละก็บอกเลยว่าอร่อยมาก ยิ่งมอสซาเรล่าชีสหละก็ เขาเสิร์ฟมากันเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมใหญ่ๆ เลยทีเดียว

เมนูเรียกน้ำย่อยอีกอย่างหนึ่งที่ถือว่าน่าทานมากๆ ก็คือ PRAWN & BACON ถ้าเรียกกันง่ายๆ ก็คือกุ้งพันเบค่อน แต่เขาจะเสิร์ฟพร้อมกับ BBQ Sauce ด้วยครับ จากที่ได้ชิมแล้วบอกเลยว่าขอแนะนำให้สั่งเป็นอย่างยิ่ง … กุ้งตัวใหญ่ดีครับ เนื้อแน่น สด กรอบ เมื่อพันกับเบคอนที่ทอดสุกกำลังดีไม่แห้งจนเกินไป จิ้มกับซอสบาร์บีคิวที่เสิร์ฟมาคู่กัน เปรี้ยวๆ หวานๆ เผ็ดเล็กน้อย น้าอ้วนว่าเมนูนี้ทานได้เพลินเลยแหละ

หมดในหมวดของ Starters แล้วเราก็กระโดดมาในหมวดของสลัดกันบ้างนะครับ กับเมนูสลัดที่ถือว่าเป็น Signature ของที่นี่เลยกับเมนูที่มีชื่อตรงตัวว่า Green Table Salad เป็นสลัดผักออกแกนิกที่เขามีฟาร์มอยู่แล้ว แต่สลัดจานนี้จะแตกต่างจากสลัดทั่วไปคือเขาจะมีผักและผลไม้ตามฤดูกาลแทรกเข้ามาด้วย อย่างเช่นฤดูนี้ก็มีมะม่วง เมลอน แคนตาลูปมาด้วย ราดด้วยซอสเพสโต้ รับประกันคนที่รักสุขภาพต้องชอบจานนี้แน่นอนครับ

ก่อนที่เราจะเข้าสู่จานหลัก น้าอ้วนขอแนะนำอีกหนึ่งเมนูที่อยู่ในหมวดของ Side Dish ซึ่งดูเป็นเมนูง่ายๆ และธรรมดามาก แต่คำแรกที่น้าอ้วนตักเข้าปาก มันเป็นอะไรที่สุดยอดจริงๆ เมนูนี้มันมีชื่อว่า Sauteed Potatoes with Onion, Garlic and Bacon (มันฝรั่งผัดหัวหอมใหญ่ กระเทียม และเบคอน) รสชาติของมันฝรั่งกลมกล่อมมาก เข้าน้ำ เข้าเนื้อ แล้วตัดเลี่ยนด้วยกระเทียมกลับใหญ่ซึ่งทานแล้วไม่มีกลิ่นฉุนเลย พร้อมกับหัวหอมใหญ่และเบคอนที่ผัดมาในจาน ไม่น่าเชื่อว่าอาหารอร่อยๆ แบบนี้จะราคาเพียง 59 บาทเท่านั้นเอง (น้าอ้วนว่าจะสั่ง take home แต่มัวคุยไป คุยมาลืมซะนี่ อดมาฟินต่อที่บ้านเลย)

และแล้วเราก็มาถึงอาหารจานหลักกันแล้ว จานนี้เป็นสปาเก็ตตี้ครับ แต่ผสานความเป็นไทยเข้ามากับเมนูที่ชื่อว่า Spaghetti Spicy Thai Fish คงจะหลงหละสิ … อะไรคือปลาไทย ชื่ออย่างเป็นทางการภาษาไทยคือ สปาเก็ตตี้ปลาสลิด อาหารจานนี้เป็นอาหารที่ฟิวชั่นระหว่างอิตาเลียนกับไทยได้อย่างลงตัวดีจริงๆ รสชาติไม่จัดจ้านจนเกินไป แต่เขาจะหนักเครื่อง เรียกได้ว่าถึงพริกถึงขิงกันทีเดียว พร้อมทั้งเนื้อปลาสลิดที่ฉีกมาเป็นชิ้นๆ ชิ้นก็ใหญ่พอสมควรเลยครับตักใส่ปากเคี้ยวกันได้เต็มปากเต็มคำ จานนี้ขอ Recommended อีกจานว่าห้ามพลาดที่จะสั่งโดยเด็ดขาด

ปิดท้ายเมนูอาหารดินเนอร์ที่แสนจะฟินในค่ำคืนนี้ด้วยจานหลักที่อลังการ ชื่อสั้นๆ ว่า “PORK” ชื่อไทยๆ ว่าสเต็กหมูสันใน ราดด้วยบลูเบอรี่ซอส จะบอกว่าเป็นเมนูที่ฟินที่สุดของค่ำคืนนี้ ด้วยเนื้อหมูสันในที่นุ่มมาก วันนี้เชฟเขาทำมาแบบค่อนข้าง well done (ลืมกระซิบขอแบบ Medium rare ซะหน่อย) แล้วก็มีผักย่างต่างๆ เป็นเครื่องเคียงและที่น่าแปลกไปกว่านั้นคือซอสที่ราดมาเป็นซอสบลูเบอรี่ ซึ่งได้ยินมาว่าเคี่ยวกัน 3 วัน 3 คืนกันเลยทีเดียว น่าแปลกว่าผลไม้เอามาทำอาหารคาวได้ด้วย และมันเป็นอะไรที่ลงตัวสุดๆ

อิ่มอาหารคาวกันไปแล้วก็ต้องล้างปากด้วยของหวานกันสักหน่อย ของหวานสำหรับค่ำคืนนี้เน้นสไตล์ช็อคโกแลตกันเลยทีเดียว เมนูแรกช็อคโกแลตมูส และช็อคโกแลตลาวา ต้องยอมรับว่าเมนูช็อคโกแลตที่นี่เขาทำได้ดี เข้มข้นมากๆ โดยช็อคโกแลตลาวา ถ้าใครชอบแบบนี้นะ ต้องขอยกนิ้วให้เป็นอีกร้านหนึ่งในอันดับต้นๆ ที่ทำได้ดีเลยทีเดียว

ปิดท้ายด้วยเครื่องอีกสองตัว สรุปค่ำคืนนี้ฟินมากครับ ทั้งบรรยากาศ (ถ้ามากับแฟนคงจะฟินกว่านี้ อิอิ) อาหารและการบริการของพนักงาน รวมไปถึงความมีอัธยาศัยดีของคุณแอนเจ้าของร้านแสนสวย

เป็นรีวิวดินเนอร์ที่น้าอ้วนกล้าพูดได้เลยว่าประทับใจสุดๆ สำหรับร้านอาหารแนวฝรั่ง แบบนี้ ทั้งเรื่องของบรรยากาศ รสชาติอาหาร ความพิถีพิถันในเรื่องของวัตถุดิบซึ่งจะเน้นเกี่ยวกับสุขภาพเป็นหลัก โดยหุ้นส่วนเจ้าของร้านเขาทำธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพอยู่แล้วครับ ดังนั้นก็เลยอยากชูจุดเด่นตรงนี้ให้เข้ากับร้าน รวมไปถึงความตั้งใจในวันที่เริ่มแรกสร้างร้าน Green Table แห่งนี้ เจ้าของร้านอยากสร้างเป็นร้านสลัดครับ แต่คิดไป คิดมา เชฟของตัวเองก็มีฝีมือไม่ใช่น้อย ไม่ใช่เก่งเรือ่งสลัดอย่างเดียว ก็เลยอยากทำอะไรให้มันครบ ใครที่ไม่ชอบสลัดก็จะได้มาทานได้ ดังนั้นร้านนี้จึงถือว่า “ครบ” เลยทีเดียว

ร้าน Green Table ถือเป็นอีกร้านหนึ่งที่น้าอ้วนอยากแนะนำ (ขอออกนอกหน้าหน่อยนะ เพราะมันประทับใจจริงๆ) ไม่ว่าจะเป็นทานข้าวกับครอบครัว, สังสรรเฮฮาปาร์ตี้กับกลุ่มเพื่อนฝูง หรือจะมาโรแมนติกกับคู่รัก ที่นี่พร้อมที่จะมอบบรรยากาศอันประทับใจและอาหารที่เป็นเลิศให้ทุกท่านที่มาใช้บริการแน่นอน

Share on Facebook

Tweet

Follow us