ใครว่าอ้วนแล้วดี น้าอ้วนมีวิธีกินอย่างไรไม่ให้อ้วน (เกินไป)
บทความนี้เกิดขึ้นจากประสบการณ์จริง ที่อยากจะแชร์ให้แฟนๆ ได้รู้วิธีถึงการดูแลตัวเองบ้าง เชื่อว่าหลายคนก็คงอิจฉาน้าอ้วนหละสิ ที่แบบว่าได้แวะเวียนไปชิมอาหารตามร้านต่างๆ อยู่ตลอดเวลา แต่ใครจะรู้บ้างว่าในความสนุกนานและเอร็ดอร่อยนั้น ก็มีความหนักใจ (และหนักตัว) แทรกเข้ามาด้วยนะ ๕๕๕๕ ยิ่งได้ชิมเยอะ น้ำหนักก็จะเยอะตาม จนเดี๋ยวนี้น้าอ้วนรู้สึกว่าจะกลายเป็นตุ่มเดินได้แล้วนะเนี่ย และอีกอย่างตอนนี้อายุเริ่มเยอะละ ถ้าปล่อยไว้แบบนี้รับรองเลยว่าอีกหน่อย ผู้ว่าจังหวัดราชบุรี ต้องเชิญน้าอ้วนไปเป็นแมสคอทของจังหวัดแน่ๆ
แล้วทำอย่างไรหละ? เชื่อว่าหลายคนก็คงคิดว่าการลดความอ้วนที่ดีคือการออกกำลังกาย แต่ลองย้อนดูตัวเอง (และน้าอ้วนก็ย้อนดูตัวเองเรียบร้อย) ว่า Life Style ของแต่ละคนในชีวิตประจำวันนี้ คำว่า “ออกกำลังกาย” สะกดอย่างไร? อย่างน้าอ้วนนี่บอกเลยว่าหาโอกาสไปออกกำลังกายยากมาก (หรือเป็นข้ออ้างก็ไม่รู้ ๕๕๕) ดังนั้นเมื่อเราทำงานสายอาหาร เราก็ควรโฟกัสวิธีดูแลตัวเองเรื่องของอาหารดีกว่า ดังนั้นน้าอ้วนจะวิธีอย่างไร ต้องมาดูกัน
ก่อนอื่นเรามาดูกันก่อนว่า อย่างไรที่เรียกว่าอ้วน … ความอ้วนนั้นนอกจากวัดกันด้วยสายตาแล้ว เราก็ยังมีสูตรในการวัดดัชนีมวลกาย หรือ BMI นะจ๊ะ สูตรง่ายๆ ดังนี้
ดัชนีมวลกาย (BMI) = น้ำหนักตัว (กก.) / ความสูง x ความสูง (ม.)
เช่น น้องกอหญ้า มีน้ำหนักตัว 90 กิโลกรัม และมีความสูง 170 เซ็นติเมตร ดังนั้น BMI ของน้องกอหญ้าคำนวณได้จากสูตร
90 / (1.7 x 1.7) = 31.1
เกณฑ์ประเมินตามที่ WHO (องค์การอนามัยโลก) กำหนด
- น้อยกว่า < 18.5 = ผอมเกินไป
- ระหว่าง 18.5 – 24.9 = เกณฑ์เหมาะสม น้ำหนักปกติ
- ระหว่าง 25.0 – 29.9 = น้ำหนักเกิน (แต่ยังไม่เรียกว่าอ้วน)
- ระหว่าง 30.0 – 39.9 = อ้วน
- มากกว่า > 40.0 = อ้วนมาก เสี่ยงต่อภาวะอันตราย
โอเคในเมื่อรู้กันแล้วว่า ตัวเองอยู่ในเกณฑ์ไหน งั้นเราลองมาดูกันซิว่า วันนี้น้าอ้วนจะมีวิธีอะไรมาแนะนำบ้าง ลองมาดูกันเลยจ้า
1. กินผักและผลไม้ให้มากขึ้น ผักและผลไม้เป็นอาหารที่เรียกได้ว่าคุณค่ามากล้นเหลือหลาย ผักและผลไม้หลายตัวมีวิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะวิตามินเป็นธาตุที่ช่วยทำให้ระบบต่างๆ ของร่างกายทำงานได้เป็นปกติ ถ้าเป็นไปได้น้าอ้วนแนะนำให้ทานผักในรูปแบบที่สดๆ หากนำไปทำอาหารแล้ววิตามินบางตัวจะสูญเสียไป และถ้าเป็นผลไม้แนะนำทานสดๆ เช่นเดียวกันเพราะจะทำให้ได้ไฟเบอร์ที่จะช่วยในเรื่องของระบบขับถ่ายด้วยจ้า ตามงานวิจัยแนะนำว่าในแต่ละวันควรจะทานผักไม่ต่ำกว่า 400 กรัมนะจ๊ะ
ประโยชน์ของไฟเบอร์ แม้จะชื่อเหมือนสายไฟแต่บอกเลยว่าประโยชน์มากมาย ทั้งไฟเบอร์แบบที่ละลายน้ำช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด (ป้องกันโรคเบาหวาน) และช่วยในเรื่องของการลดปริมาณคลอเรสเตอรอล ป้องกันโรคหัวใจ และในส่วนของไฟเบอร์ที่ไม่ละลายน้ำ เจ้าตัวนี้จะช่วยเรืองของระบบขับถ่ายนะจ๊ะ ใครท้องผูกถ้าทานไฟเบอร์ในปริมาณที่เพียงพอช่วยได้แน่นอน และที่สำคัญช่วยลดความอ้วนได้เพราะจะทำให้เรารู้สึกอิ่มเมื่อทานอาหารประเภทที่มีไฟเบอร์ชนิดไม่ละลายน้ำลงไป (ข้าวกล้องหรือผักต่างๆ)
2. ไม่ควรงดอาหารเช้า เคยได้ยินไหมว่า มื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญ และหลายๆ สูตรแนะนำว่าควรจะกินมื้อเช้าอย่างราชา แล้วมื้อต่อมาเป็นยาจก ๕๕๕๕ แนะนำให้ทานมื้อเช้าในช่วงเวลาประมาณ 07:00 – 09:00 น. เพราะกระเพาะอาหารของคนเราจะทำงานได้ดีในช่วงเวลานั้น (เมื่อก่อนน้าอ้วนชอบกินมื้อเช้าประมาณเกือบ 10 โมง แต่ตอนนี้เริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการกินเรียบร้อยแล้ว) เพราะถ้าเรากินข้าวเช้าสาย มื้อเที่ยงก็จะสายตาม และมื้อเย็นก็จะกลายเป็นมื้อดึกไปโดยอัตโนมัติ
3. หากจะทานข้าว (คาร์โบไฮเดรต) แนะนำให้ทานเป็นข้าวกล้อง เพราะข้าวกล้องเป็นข้าวที่ทำให้อิ่มได้นาน และย่อยได้ยาก (เพราะเป็นไฟเบอร์ชนิดไม่ละลายน้ำ) แต่คุณประโยชน์ของข้าวกล้องนั้นบอกเลยว่ามีมากมายกว่าข้าวขาว เพราะข้าวกล้องจะมีส่วนประกอบของข้าวที่สำคัญเช่นจมูกข้าว และเยื้อหุ้มเมล็ดข้าวซึ่งจะบอกเลยว่าเป็นส่วนที่สารอาหารมีเยอะที่สุด หรือถ้าเป็นขนมปัง น้าอ้วนแนะนำขนมปังตระกูลโฮลวีทจะดีที่สุด
4. เครื่องดื่มที่มีประโยชน์ควรจะหันมาบริโภค เช่นน้ำผลไม้ต่างๆ หรือ นม เป็นต้น หากใครเป็นนักดื่มตัวยง เชื่อหรือไม่ว่าแอลกอฮอล์ที่เราดื่มเข้าไปนั้น ปริมาณ 1 กรัมให้พลังงานถึง 7 กิโลแคลอรี่เชียวนะ (เยอะกว่าโปรตีน และคาร์โบไฮเดรทซะอีก) และที่สำคัญเวลาไปแฮงก์เอาท์กับเพื่อน ดื่มกันน้อยซะที่ไหนหละ (ประสบการณ์ตรงเลยทีเดียว) และเครื่องดื่มที่ผสมน้ำตาล เช่นน้ำอัดลม กาแฟสด ฯลฯ ถ้าเลี่ยงได้ควรเลี่ยงนะจ๊ะ เพราะแต่ละแก้วนั้นแคลอรี่พอๆ กับเรากินอาหารตามสั่งจานหนึ่งเลยจ้า แต่น้าอ้วนว่าเครื่องดื่มที่ดีที่สุดก็คือ น้ำเปล่า นั่นเองเพราะ “น้ำเปล่าทำให้สุขภาพดี มีแคลอรี่เท่ากับศูนย์”
5. เลือกกินของที่มีไขมันน้อย เชื่อเลยว่าของอร่อยมักทำให้อ้วน … และของอร่อยเหล่านั้นมันจะเป็นของทอด ๕๕๕๕ แน่นอนหละมีหลายเมนูเลยที่น้าอ้วนชอบมาก เช่นกล้วยแขกงี้ ไข่นกกระทางี้ ชีสเค้กงี้ ฯลฯ ซึ่งแต่ละอย่างล้วนทำให้อ้วน รู้หรือไม่ว่าไขมันปริมาณ 1 กรัม ให้พลังงานตั้ง 9 กิโลแคลอรี่เชียวนะ เยอะที่สุดแล้ว แต่!! ใช่ว่าน้าอ้วนจะไม่แนะนำให้งดเลย เพราะร่างกายยังคงต้องการไขมันเพื่อไปทำละลายวิตามินบางตัว ซึ่งได้แก่ A D E K ดังนั้นทานไขมันในปริมาณที่พอดี อย่ากินเยอะหละ
6. ไม่ควรกินอาหารในปริมาณที่ร่างกายนำไปใช้ไม่หมด เคยได้ยินคำว่า Input < Output = ผอม ไหมจ๊ะ? นี่แหละจ่ะ คือคำตอบว่าถ้าเราชอบไปกินหมูกระทะตอนเย็นบ่อยๆ ทำไมน้ำหนักถึงขึ้น เพราะว่าปริมาณของพลังงานที่เรากินเข้าไปในแต่ละวันนั้น มากกว่าปริมาณที่ร่างกายของเราเผาผลาญได้ ร่างกายจะเก็บพลังงานส่วนที่เหลือนั้นไว้เพื่อใช้ในโอกาสหน้า (เก็บไว้ในรูปแบบของไขมัน) ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนที่กินเยอะมักจะมีพุงและชั้นไขมันที่หนา
7. อาหารเสริม วิธีสุดท้ายสำหรับคนที่อาจจะต้องการความรวดเร็ว หรือใครที่อาจจะยังมีความสุขกับการกินในรูปแบบเดิมๆ อยู่ ปัจจุบันอาหารเสริมเพื่อช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนักก็มีเยอะแยะมากมาย ทั้งแบบช่วยระบาย ช่วยบล็อคแป้งบล็อคน้ำตาล หรือแบบที่ช่วยในเรื่องของระบบเผาผลาญในร่างกาย ถ้าพูดถึงกาแฟ ก็ถือว่าเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตของหลายๆ คน แต่ถ้าเราเปลี่ยนกาแฟที่แบบว่ากินแล้วน้ำตาลเอย ครีมเอยเยอะแยะมากมาย กินแล้วมีแต่อ้วน มาเป็นกาแฟที่ช่วยเรื่องการดูแลสุขภาพจะกว่าไหม?
กาแฟพาดาโซ่ พัส ตัวนี้น้าอ้วนได้ลองดื่มมาประมาณ 2 สัปดาห์ละ (ถ้าไม่ลองกับตัวเอง ก็คงไม่กล้าพูด) สิ่งที่ทำให้กาแฟตัวนี้น่าสนใจก็คงไม่ใช่ตัวกาแฟ เพราะถึงแม้จะเป็นกาแฟที่ดีที่สุดในโลกก็ไม่ช่วยเรื่องลดน้ำหนัก แต่สิ่งที่ช่วยก็คือสารสกัดที่ผสมอยู่ในตัวกาแฟทั้ง 15 ตัว ซึ่งอาจจะเรียกว่าเยอะที่สุดในท้องตลาดก็ว่าได้ ด้วยสโลแกนของกาแฟยี่ห้อนี้คือ “แค่ดื่ม … หุ่นก็เปลี่ยน” ด้วยสารสกัดจากกระบองเพชร (Cactus Extract) และไซเลียมฮักส์ ที่จะช่วยในเรื่องของการบล็อกแป้ง น้ำตาล และไขมัน และมีคุณสมบัติการพองตัวเมื่อโดนน้ำจากเดิมกว่า 25 เท่า ดังนั้นถ้าดื่มกาแฟตัวนี้ก่อนทานข้าวจะทำให้ทานอาหารได้น้อยลง
หรือในส่วนของหุ่นเฟิร์ม ด้วยคุณสมบัติของไฟเบอร์ที่ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด ลดความอยากอาหาร , สารสกัดจากถั่วขาว ช่วยดักแป้งทำให้ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้น้อยลง, แอล-คาร์เนทีน และสารสกัดจากเคลป์เป็นตัวที่ช่วยนำเอาไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกายมาเผาผลาญ
สุดท้ายถ้าดื่มกาแฟตัวนี้แล้วรับประกันว่าไม่โทรม ประเด็นนี้สาวๆ คงชอบเพราะว่ากาแฟพาดาโซ่พัส มีส่วนผสมของโคเอ็นไซม์คิวเท็น และคอลลาเจนเป็ปไทด์ ซึ่งเป็นสารที่ช่วยทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล ทำให้กระชับและดูอ่อนกว่าวัย
ไม่ใช่ว่าเห็นกาแฟตัวนี้มีคุณสมบัติในการช่วยควบคุมและลดน้ำหนักแล้ว จะเน้นดื่มแต่กาแฟแต่ไม่ดูแลเรื่องของการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์หรือออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยนะ กาแฟตัวนี้ไม่ใช่ยาลดความอ้วนที่จะได้มีผลในการกดประสาทหรือออกฤทธิ์กับร่างกายอย่างรุนแรงซึ่งจะทำให้ลดน้ำหนักอย่างได้เห็นผลอย่างรวดเร็ว ด้วยส่วนผสมของสารสกัดต่างที่ทางโรงงานได้คิดค้นสูตรมา มันจะเป็นตัวที่ช่วยเผาผลาญ ช่วยควบคุมปริมาณของสารอาหารต่างๆ ที่จะเข้ามาสู่ร่างกายในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ให้มากจนเกินไป จนทำให้ร่างกายใช้ไม่หมด ดังนั้นอาจจะต้องใช้เวลาในการทำให้เห็นผลสักหน่อย อย่างน้าอ้วนได้ทดลองดื่มมาประมาณ 2 สัปดาห์ก็เห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งถ้าอยากจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ก็อาจจะต้องใช้เวลากันสักนิด ถ้าหากใครอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงต่อไปก็อย่าลืมติดตามกันได้นะจ๊ะ ในไม่ช้าอาจจะได้เปลี่ยนชื่อเว็บเป็น “น้าหุ่นดีซิกซ์แพ็ค ชวนหิว” ก็ได้ ๕๕๕๕๕
สนใจอยากทดลองดื่มกาแฟพาดาโซ่ พัส สามารถหาซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือที่เชียงใหม่เราลองแวะไปดูที่ช้อปได้นะจ๊ะ อยู่ที่โครงการสตาร์ อเวนิว 2 (อาเขต) ช้อปจะอยู่ใกล้ๆ ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven (ตรงข้ามร้าน McDonald’s) หรือโทรสอบถามข้อมูลกันก่อน ขอคำปรึกษาได้ที่เบอร์ 094-4242441 หรือ LINE ID : padasopus ได้ตลอดจ้า